นายอดิเรก ศรีประทักษ์ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) กล่าวถึงแนวโน้มธุรกิจสำหรับปี 60 ว่าสถานการณ์และแนวโน้มของเศรษฐกิจและพฤติกรรมทางสังคมที่มีความผันแปรอย่างรวดเร็ว ถือเป็นความท้าทายในการดำเนินธุรกิจ อย่างไรก็ตาม ด้วยแนวทางกลยุทธ์หลักในการสร้างธุรกิจตามพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่มีโอกาสและศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจ บริษัทจึงมีเป้าหมายในการสร้างการเติบโตของยอดขายประมาณ 10% จากปี 59 โดยการเติบโตมาจากกิจการในต่างประเทศเป็นหลัก
ส่วนผลการดำเนินงานปี 59 มีรายได้จากการขายจำนวน 464,465 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 10% รายได้จากการขายของบริษัท กิจการต่างประเทศและกิจการส่งออกจากประเทศไทยคิดเป็นสัดส่วน 68% ของรายได้จากการขาย และกิจการในประเทศไทยมีสัดส่วน 32% โดยในภาพรวมผลการดำเนินงานของแต่ละประเทศเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
กำไรสุทธิในปี 59 มีจำนวน 14,703 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% จากปีก่อน เป็นผลมาจากผลการดำเนินงานของธุรกิจสัตว์บกในประเทศไทยที่เข้าสู่ภาวะปกติ และการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมการเลี้ยงกุ้งในประเทศไทยซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรค Early Mortality Syndrome และผลการดำเนินงานของบริษัทย่อยใหม่ในประเทศรัสเซียและกัมพูชา รวมทั้งมาตรการในการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ
นายอดิเรก กล่าวถึงมติคณะกรรมการบริษัทในการแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงว่า เนื่องจาก CPF มีการเติบโตของธุรกิจในปีที่ผ่านมา มีรูปแบบในการดำเนินธุรกิจครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำและมีขอบข่ายการดำเนินธุรกิจครอบคลุม 16 ประเทศทั่วโลก ซึ่งในแต่ละพื้นที่มีโอกาสในการขยายตัวของธุรกิจในแต่ละส่วนงาน
ดังนั้น คณะกรรมการฯ จึงเห็นสมควรให้กำหนดธุรกิจออกเป็น 2 สายหลัก คือ สายธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและสายธุรกิจอาหาร โดยแต่งตั้ง นายสุขสันต์ เจียมใจสว่างฤกษ์ ดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร (ร่วม) สายธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม และแต่งตั้ง นายสุขวัฒน์ ด่านเสริมสุข ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร (ร่วม) สายธุรกิจอาหาร โดยให้ทั้งสองสายธุรกิจมุ่งเน้นการขยายและการเจริญเติบโตของธุรกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืน ในขณะเดียวกันกำหนดให้บริหารธุรกิจสอดประสานเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด