โบรกเกอร์เชียร์"ซื้อ"หุ้น บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) คาดกำไรใน Q1/60 ดีขึ้นจากที่ยังเป็นช่วง High Season และได้แรงหนุนจากนักท่องเที่ยวจีนฟื้น รวมถึงรับประโยชน์นโยบายของภาครัฐกระตุ้นการท่องเที่ยวด้วยมาตรการยกเลิกค่าธรรมเนียมวีซ่าและลดค่าธรรมเนียมวีซ่าที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง
ขณะที่ AAV มีแผนขยายฝูงบินอีก 6 ลำในปีนี้ ทำให้จำนวนเครื่องบินเพิ่มเป็น 57 ลำ โดยเป็นเครื่องบินใหม่ที่ช่วยประหยัดน้ำมันด้วย นอกจากนี้ AAV ยังทำ Hedging น้ำมันไว้ราว 75% ที่ราคา 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ช่วยลดผลกระทบจากราคาน้ำมันปรับขึ้นไปมาก
AAV ยังมีการเปิดเส้นทางบินใหม่หลายเส้นทาง 8-10 เมืองในอินเดีย และ CLMV ถือเป็นการขยายฐานลูกค้าใหม่ ทำให้รายได้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเชื่อว่าการเข้ามาถือหุ้นของ King Power จะสร้าง synergy ให้กับ AAV ได้มากขึ้นในปีนี้คาดว่ารายได้เสริม (ancillary income) จะเพิ่มขึ้น
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 60 ในช่วง 2,190-2,429 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 59 ที่มีกำไรสุทธิ 1,869 ล้านบาท
ล่าสุด เมื่อเวลา 16.06 น.หุ้น AAV ทรงตัวอยู่ที่ 6.10 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) เคจีไอ (ประเทศไทย) ซื้อ 8.38 ไทยพาณิชย์ ซื้อ 8.00 ฟิลลิป (ประเทศไทย) ซื้อ 8.00 เคทีบี (ประเทศไทย) ซื้อ 7.20 ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 7.10 หยวนต้า ซื้อ 7.26 ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) ซื้อ 7.60 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ นายสยาม ติยานนท์ นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ให้เหตุผลแนะนำ"ซื้อ"หุ้น AAV ว่า เนื่องจากธุรกิจยังมีการเติบโตที่ดี โดยปีนี้ AAV จะมีการขยายฝูงบินอีก 6 ลำ จากเดิมปกติจะขยายปีละ 5 ลำ แต่ในปี 59-60 จะขยายฝูงบิน 6 ลำ ทำให้ปีนี้ AAV จะมีเครื่องบิน 57 ลำ จากสิ้นปี 59 ที่มีเครื่องบิน 51 ลำ ซึ่งเครื่องบินที่ออกมาใหม่นี้จะเป็นเครื่องที่ช่วยประหยัดน้ำมันด้วย นอกจากนี้ AAV ยังได้มีการทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน (Hedging) ไว้ 75% ทำที่ราคาน้ำมัน 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งเป็นการทำในสัดส่วนที่สูงสุดเมื่อเทียบกับสายการบินอื่น ซึ่งขณะนี้ต้นทุนน้ำมันอยู่แถว 65-68 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลแล้ว ดังนั้น เมื่อราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นก็จะไม่รับผลกระทบมากเหมือนรายอื่น ส่วนการขึ้นภาษีน้ำมันไม่ได้รับผลกระทบ เพราะรู้กันแล้ว AAV ขอปรับค่าธรรมเนียมน้ำมันเพิ่มจากลูกค้า อีกทั้ง AAV ยังได้รับประโยชน์จากนโยบายของรัฐที่กระตุ้นการท่องเที่ยวด้วยมาตรการยกเลิกค่าธรรมเนียมวีซ่า และลดค่าธรรมเนียมวีซ่าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองด้วย ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้น ซึ่ง AAV มีสัดส่วนลูกค้าชาวจีนมี 20-25% ของลูกค้าทั้งหมด AAV ยังเปิดเส้นทางบินใหม่หลายเส้นทาง โดยเฉพาะ 8-10 เมืองในอินเดีย และเส้นทางในกลุ่มประเทศ CLMV ถือเป็นเปิดฐานลูกค้าใหม่ ทำให้รายได้ของ AAV เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 60 ไว้ที่ 2,429 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 59 ที่มีกำไรสุทธิ 1,869 ล้านบาท ด้านบล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯคาดว่า กำไรใน Q1/60 ของ AAV จะดีขึ้น QoQ โดยโชคดีที่ Q1 ยังเป็นไตรมาสที่เป็น high season อันดับสองของฤดูการท่องเที่ยวไทย ดังนั้น จึงคิดว่า AAV น่าจะมีแรงส่งด้านบวก และ ได้แรงหนุนจากการที่นักท่องเที่ยวจากจีนค่อยๆ ฟื้นตัว นอกจากนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นก็น่าจะช่วยลดผลกระทบทางลบไปได้บ้าง แต่โดยรวมแล้วค่าตั๋วโดยสารน่าจะยังถูกกดดันในช่วงนี้ เนื่องจากการแข่งขันที่ยังรุนแรงต่อเนื่องในเส้นทาง CLMV และยังคงมีแนวโน้มแข็งแกร่งยิ่งขึ้นในระยะยาว พร้อมเชื่อว่า สถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติใน H2/60 ซึ่งแปลว่าธุรกิจการท่องเที่ยวจะเติบโตในอัตราที่ชะลอตัว YoY อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อว่า King Power จะสร้าง synergy ให้กับ AAV ได้มากขึ้นในปีนี้ โดยคาดว่ารายได้ ancillary income จะเพิ่มขึ้น จากที่อยู่ในระดับสัดส่วน 18.5% ของรายได้รวมในไตรมาส 4/59 ส่วนบล.เคทีบี (ประเทศไทย) แนะ"ซื้อ"หุ้น AAV คาดว่า ผลการดำเนินงานในงวด Q1/60 จะกลับมาดีขึ้น จากแนวโน้มนักท่องเที่ยวจีนที่เริ่มกลับมาฟื้นตัว รวมถึงยังมีมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ อย่างไรก็ตาม ได้ปรับลดคาดการณ์กาไรสุทธิปี 60 ลงจากเดิมราว 12% เป็น 2,190 ล้านบาท จากแนวโน้มการแข่งขันในธุรกิจสายการบินที่รุนแรงมากขึ้น โดยมีการขยายฝูงบินในอุตสาหกรรมค่อนข้างมาก ส่งผลกดดันราคาตั๋วโดยสารเฉลี่ย (ไม่รวมบวกเพิ่มภาษีสรรพสามิตนน้ำมัน) รวมถึงจากแนวโน้มราคาน้ำมันเฉลี่ยที่อาจสูงกว่าที่คาดไว้เดิม แต่คาดว่ากำไรสุทธิปี 60 ยังเติบโตจากปี 59 ได้ราว 9.4% โดยมีปัจจัยหนุนจากจำนวนผู้โดยสารจากจีนเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้นมากในเดือน ม.ค. ทั้งนี้ คาดว่าทั้งปีนี้สายการบินไทยแอร์เอเชียจะมีจำนวนผู้โดยสาร 19.5 ล้านคน เพิ่มขึ้น 13% YoY และคาดว่าอัตรา Load Factor จะอยู่ที่ 84% ใกล้เคียงกับปีก่อน โดยปีนี้มีแผนขยายตลาดใหม่ ๆ เช่น อินเดีย และกลุ่ม CLMV เพิ่มเติม และมีแผนจะรับเครื่องบินใหม่เพิ่มจำนวน 6 ลำ