นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจ มาร์ท (JMART) กล่าวว่า บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้รวมปีนี้ของกลุ่มบริษัทจะเติบโตราว 30% จากปีก่อนมีรายได้รวมอยู่ที่ 11,205 ล้านบาท
ขณะที่เตรียมงบการลงทุนรวมทั้งกลุ่มราว 7,700 ล้านบาท โดยมีบริษัท เจมาร์ท โมบาย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทแกน เป็นเรือธงในการเติบโตสำหรับธุรกิจจัดจำหน่ายมือถือ โดยปีที่ผ่านมาบริษัทจำหน่ายมือถือได้กว่า 1.2 ล้านเครื่องด้วยราคาเฉลี่ยต่อเครื่องที่สูงขึ้น ซึ่งปัจจัยที่ทำให้บริษัทเติบโตต่อเนื่อง คือ การจัดจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางการจำหน่ายของบริษัทในเครือ
ในปีนี้ เจมาร์ท โมบาย ตั้งเป้ารายได้ปีนี้จะเติบโตราว 30% และจะใช้งบลงทุนจำนวน 680 ล้านบาทในการขยายร้านเจมาร์ทและแบรนด์ช็อปในปีนี้เพิ่มอีก 35 สาขา จากสิ้นปี 59 มีสาขาจำนวนทั้งสิ้น 205 สาขา
อีกทั้ง ปีนี้จะขยายธุรกิจกล้อง “Jaycamera" ที่มีแผนเปิดสาขาเพิ่ม 10 สาขา จากที่ผ่านมาเปิดสาขาแรกที่ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ ขณะเดียวกันจะวางจำหน่ายกล้องถ่ายรูปในร้านเจมาร์ทเพิ่มเป็น 100 สาขา จากเดิมวางจำหน่ายกว่า 50 สาขา เพื่อชิงส่วนแบ่งทางการตลาด โดยคาดรายได้จากการขายกล้องในปีนี้จะอยู่ที่ 800 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 120 ล้านบาท
และจะร่วมมือกับค่ายมือถือ และ แบรนด์สมาร์ทโฟนรุกตลาดปี 60
พร้อมทั้งเดินหน้ารุกธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลเต็มตัว โดยมีบริษัท เจ ฟินเทค จำกัด เป็นแกนนำ ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อปีนี้ 3,500 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลทำให้สามารถรับรู้รายได้จากดอกเบี้ยเข้ามาเพิ่มขึ้น โดยปีที่ผ่านมาบริษัทฯมีพอร์ตสินเชื่อ 2,800 ล้านบาท รวมทั้งรุกธุรกิจฟินเทคที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจค้าปลีกในกลุ่มบริษัทฯ ผ่านบริษัทย่อย บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจพัฒนาซอฟท์แวร์ และการลงทุนในธุรกิจ Start-up ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจในกลุ่มของบริษัท จะเป็นอีกกุญแจสำคัญที่ผลักดันผลประกอบการในอนาคต
“เจมาร์ท รุกเข้าธุรกิจฟินเทคที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจค้าปลีก เนื่องจาก เจมาร์ทมีความพร้อมทั้งในด้านช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลาย มีบริษัทติดตามหนี้ที่เป็นอันดับ 1 ของประเทศ มีฐานข้อมูลลูกค้า และลูกหนี้ อีกกว่า 5 ล้านราย ซึ่งเป็น Big Data ในการนำมาต่อยอดธุรกิจได้อีกมาก" นายอดิศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ เจ เวนเจอร์ส จำกัด จะมีการเปิดตัวแอพพลิเคชั่นที่มีชื่อว่า "เดี๋ยวคืน" ซึ่งจะเป็นการปล่อยสินเชื่อผ่านแอพพลิเคชั่น คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ภายในครึ่งปีแรกนี้ อีกทั้งยังอยู่ระหว่างเจรจาเข้าซื้อกิจการกว่า 10 ราย คาดว่าปีนี้จะเห็นความชัดเจนราว 2-3 ราย ซึ่งจะเป็นธุรกิจที่จะเข้ามาต่อยอดกับธุรกิจเดิม เช่น Mobile wallet , Peer to Peer Lending (P2P Lending) ,e commerce เป็นต้น อย่างไรก็ตามคาดว่าจะรับรู้รายได้อย่างเป็นรูปธรรมในปี 61
นายอดิศักดิ์ มองแนวโน้มตลาดโทรศัพท์มือถือในปีนี้น่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง และเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยผู้บริโภคต้องการใช้เครื่องที่มีคุณภาพที่สูงขึ้น ราคาสูงขึ้น ทำให้ผู้ผลิตแบรนด์ต่างๆ ได้มีการออกโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆ เพื่อตอบสนองการใช้งานของผู้บริโภคให้มากยิ่งขึ้น คาดว่าในสิ้นปีนี้มูลค่าตลาดรวมโทรศัพท์มือถือจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 120,000 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 110,000 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ งวดประจำปี 59 ทำนิวไฮใหม่ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 438 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 36% จากธุรกิจจัดจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจติดตามหนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูง