นางสาวจุรีรัตน์ ลปนาวณิชย์ กรรมการ บมจ. มิลล์คอน สตีล (MILL) เปิดเผยว่า แนวโน้มการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปีนี้ คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบริษัทมีความพร้อมทั้งฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง และความพร้อมในการแข่งขันในทุกตลาด โดยเฉพาะการที่บริษัทพยายามสร้างมูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์เพื่อการเติบโตที่แข็งแกร่ง ปีหน้าคาดว่าจะเห็นสัดส่วนรายได้จากผลิตภัณฑ์เหล็กเกรดพิเศษเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งจะส่งผลให้มาร์จินมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
นอกจากนี้ภาพรวมของราคาเหล็กในตลาดโลกเริ่มขยับตัวสูงขึ้น อีกทั้งภาครัฐเองมีมาตรการป้องกันการหลบเลี่ยงพิกัดภาษีเหล็ก ซึ่งในปีนี้จะเห็นผลในทางปฏิบัติ ขณะเดียวกันการลงทุนโครงการก่อสร้างของภาครัฐ ยังคงเติบโตต่อเนื่องจากการผลักดันโครงการใหม่ๆ เช่นเดียวกับภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ ที่คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากตลาดส่งออกยังคงได้รับอานิสงส์จากประชาคมอาเซียน
“ปีนี้แนวโน้มผลการเนินงานยังโตต่อเนื่อง ทั้งภาพรวมอุตสาหกรรมและมิลล์คอนสตีลก็มีความพร้อมทั้งฐานะการเงินและการแข่งขัน ขณะที่คาดว่าอุตสาหกรรมเหล็กจะเติบโต 10% จากภาคการก่อสร้างของรัฐและเอกชน "นางสาวจุรีรัตน์ กล่าว
สำหรับผลประกอบการงวดปี 59 บริษัทมีกำไรสุทธิ 394 ล้านบาท ลดลง 42% เมื่อเทียบกับปี 58 ขณะที่บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงาน 425 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 538% จากปี 58 โดยรายได้จากการขายและการบริการ 19,214 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56% เมื่อเทียบกับปี 58 เป็นผลมาจากการที่บริษัทสามารถผลักดันยอดขายได้ในปริมาณที่มากขึ้น เมื่อเทียบกับในปีที่ผ่านมา
บริษัทมีปริมาณการขายรวมอยู่ที่ 1,430,644 ตัน เพิ่มจากปี 58 ราว 130% ทั้งนี้เป็นผลมาจากการขยายฐานกลุ่มลูกค้าในกลุ่มเหล็กลวดเพิ่มขึ้น อีกทั้งการขยายฐานลูกค้าไปยังตลาดต่างจังหวัด และการส่งออกเหล็กแท่งทรงยาว และเหล็กเส้นไปยังตลาดต่างประเทศในกลุ่มอาเซียนเพิ่มขึ้น
บริษัทมีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 8.4% เพิ่มขึ้นจากปี 58 ที่อยู่ที่ 6.3% เนื่องจากบริษัทมีการควบคุมต้นทุนการผลิต ทั้งจากการปรับปรุงเครื่องจักรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้สามารถผลิตได้อย่างต่อเนื่อง จึงทำให้เกิด economy of scale จากการผลิตเหล็กเส้นเต็มกำลังการผลิต และการเริ่มผลิตเหล็กเกรดพิเศษ