ทริสฯ จัดอันดับเครดิตองค์กร “อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 1" ที่ “A-" แนวโน้ม “Stable"

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 28, 2017 13:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 1 จำกัด ที่ระดับ “A-" ด้วยแนวโน้ม “Stable" หรือ “คงที่"

อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงความแน่นอนของกระแสเงินสดที่ได้รับจากการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่ง ประเทศไทย (กฟผ.) ภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (Small Power Producer -- SPP) ตลอดจนเทคโนโลยีกังหันก๊าซพลังความร้อนร่วม (Combined-cycle Gas Turbine) ที่ผ่านการพิสูจน์แล้วที่ใช้ในโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม (Cogeneration) ของบริษัท และประสบการณ์ของกลุ่มบริษัท บี.กริม ในธุรกิจผลิตไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตดังกล่าวมีข้อจำกัดจากความเสี่ยงจากการมีโรงไฟฟ้าเพียงแห่งเดียวและการมีหนี้สินในระดับสูงของบริษัท

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะสามารถดำเนินงานโรงไฟฟ้าได้อย่างราบรื่นและสามารถมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ได้ประมาณ 600-700 ล้านบาทต่อปี

ปัจจัยที่จะมีผลในเชิงบวกต่ออันดับเครดิตของบริษัทยังค่อนข้างจำกัดในระยะ 12-18 เดือนข้างหน้า ส่วนปัจจัยที่จะมีผลในเชิงลบต่ออันดับเครดิตของบริษัทได้แก่กรณีที่บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ถดถอยลงอย่างมีนัยสำคัญจนส่งผลกระทบต่อความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดของบริษัท

บริษัท อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 1 ก่อตั้งในปี 2554 เพื่อเป็นเจ้าของและดำเนินงานโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม ภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก โรงไฟฟ้าของบริษัทตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง โดยโรงไฟฟ้ามีกำลังการผลิตติดตั้ง 123.3 เมกะวัตต์และสามารถผลิตไอน้ำเพื่อจำหน่าย 30 ตันต่อชั่วโมง บริษัทมีสัญญาขายไฟฟ้าให้กับ กฟผ. จำนวน 90 เมกะวัตต์เป็นระยะเวลา 25 ปีและขายไฟฟ้าส่วนที่เหลือให้แก่กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมในเขตนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ โรงไฟฟ้าของบริษัทได้เริ่มดำเนินงานเชิงพาณิชย์ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2556

ปัจจุบันผู้ถือหุ้นของบริษัทประกอบด้วย บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (61.7%) บริษัท ซัมมิท ซันไรซ์ เอนเนอจี จำกัด (บริษัทในเครือซูมิโตโม -- 18.6%) บริษัท อมตะซิตี้ จำกัด (16.6%) และ บริษัท บี.กริม จอยน์ เว็นเจอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (3%)

บริษัทมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจำนวน 90 เมกะวัตต์กับ กฟผ. เป็นระยะเวลา 25 ปี นอกจากนี้ ยังมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมอีกจำนวน 17 เมกะวัตต์และสัญญาขายไอน้ำอีกจำนวน 14 ตันต่อชั่วโมง สัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. ช่วยลดความเสี่ยงจากภาวะตลาดเนื่องจาก กฟผ. ตกลงรับซื้อไฟฟ้าขั้นต่ำจำนวน 80% ของกำลังการผลิตตามสัญญาซึ่งคำนวณจากจำนวนชั่วโมงที่สามารถดำเนินงานได้ นอกจากนี้ สัญญาซื้อขายไฟฟ้ายังมีกลไกในการส่งผ่านค่าก๊าซด้วย สำหรับสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับลูกค้าอุตสาหกรรมนั้นได้ระบุปริมาณการรับซื้อขั้นต่ำ โดยที่อัตราค่าไฟฟ้าสำหรับลูกค้าอุตสาหกรรมจะอ้างอิงอัตราค่าไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ที่ขายให้กับกิจการขนาดใหญ่ซึ่งโดยทั่วไปจะมีการปรับราคาเพื่อสะท้อนต้นทุนเชื้อเพลิงผ่านค่า Ft บริษัทยังมีสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) ระยะเวลา 25 ปีซึ่งเท่ากับอายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. ด้วย

โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม ของบริษัทใช้เทคโนโลยีที่ผ่านการพิสูจน์แล้ว กังหันก๊าซ Siemens SGT 800 มีผลงานที่ได้รับการยอมรับด้วยยอดขายมากกว่า 100 ชุดตั้งแต่ปี 2540 โรงไฟฟ้าของบริษัทประกอบด้วยหน่วยผลิตไฟฟ้ากังหันก๊าซพร้อมทางปล่อยระบาย (Bypass Stack) จำนวน 2 ชุด ชุดกำเนิดไอน้ำ (Heat Recovery Steam Generator) จำนวน 2 ชุด และหน่วยผลิตไฟฟ้ากังหันไอน้ำจำนวน 1 ชุด โดยกังหันก๊าซและกังหันไอน้ำดังกล่าวผลิตโดย Siemens ซึ่งการใช้กังหันก๊าซซึ่งมีทางปล่อยระบายทำให้โรงไฟฟ้าของบริษัทมีความยืดหยุ่นในการดำเนินงานเนื่องจากสามารถเดินเครื่องกังหันก๊าซได้อย่างอิสระในช่วงของการซ่อมบำรุงกังหันไอน้ำหรือเพื่อบริหารจัดการโรงไฟฟ้า

บริษัทได้ลงนามในสัญญาซ่อมบำรุงกังหันก๊าซระยะยาวกับ Siemens เป็นระยะเวลา 8 ปี ซึ่งสัญญาดังกล่าวช่วยลดความเสี่ยงจากการดำเนินงานและควบคุมค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง สำหรับการดำเนินงานและการซ่อมบำรุงรักษาประจำวันนั้นดำเนินการโดยทีมงานของบริษัทและกลุ่มบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการดำเนินงานและการซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม

ตั้งแต่เริ่มดำเนินการในปี 2556 โรงไฟฟ้าของบริษัทมีผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า บริษัทขายไฟฟ้าได้ประมาณ 650 ล้านหน่วย (กิโลวัตต์-ชั่วโมง) ต่อปีให้แก่ กฟผ. โรงไฟฟ้าของบริษัทมีดัชนีความพร้อม (Availability Factor) สูงกว่า 90.4% ตามที่กำหนดไว้ในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า ซึ่งอนุญาตให้โรงไฟฟ้าสามารถหยุดซ่อมบำรุงได้ปีละไม่เกิน 840 ชั่วโมงสำหรับปีปกติ และ 1,080 ชั่วโมงในปีที่มีการซ่อมใหญ่ (Major Overhaul) โรงไฟฟ้าของบริษัทมีอัตราความร้อน (Heat Rate) ประมาณ 7,540-7,680 บีทียูต่อหน่วยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

ในด้านของประสิทธิภาพการใช้พลังงานนั้น โรงไฟฟ้าของบริษัทบรรลุดัชนีชี้วัดความสามารถในการใช้พลังงานปฐมภูมิในการผลิตพลังงานไฟฟ้าและพลังงานความร้อนร่วมกัน (Primary Energy Saving -- PES) ทำให้ได้รับค่าไฟฟ้าเพิ่มเติมจากค่าการประหยัดการใช้เชื้อเพลิง (Fuel Saving -- FS) 0.36 บาทต่อหน่วย จาก กฟผ. ด้วย ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 บริษัทจำหน่ายไฟฟ้าจำนวน 493 ล้านหน่วยให้แก่ กฟผ. โดยมีดัชนีความพร้อมที่ 98.2% และอัตราความร้อน 7,550 บีทียูต่อหน่วย

ในปี 2558 บริษัทมีรายได้ 2,914 ล้านบาทและมี EBITDA 749 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรจากการดำเนินงาน (อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) ที่ 24.9% ในขณะที่อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ที่ 10.7% บริษัทมีสัดส่วนเงินกู้สูงเหมือนโรงไฟฟ้าอื่น โดย ณ สิ้นปี 2558 บริษัทมีเงินกู้รวม 3,833 ล้านบาทและมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่ 74.2%

ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมี EBITDA ประมาณ 600-700 ล้านบาทต่อปีในระยะ 3-4 ปีข้างหน้า ซึ่งเพียงพอสำหรับการชำระคืนเงินกู้ประมาณ 200 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2560-2563 อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบริษัทมีตารางการชำระคืนเงินกู้ที่ยาวนาน ดังนั้น อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นอย่างช้า ๆ ในระยะ 3 ปีข้างหน้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ