นายวิทยา อินาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมกาเคม (ประเทศไทย) (MGT) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 678 ล้านบาทเติบโตจากปีก่อนที่มีรายได้ 560 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 20% จากการขยายฐานลูกค้าใหม่ และเพิ่มสินค้าใหม่ให้กับลูกค้าเดิม และคาดว่าปีนี้จะรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ใกล้เคียงปีก่อนที่ระดับ 25%
ในปีนี้บริษัทมีแผนเพิ่มสินค้าใหม่เป็นเคมีภัณฑ์ที่ใช้กับอุตสหกรรมเครื่องสำอง (Cosmetic) เพราะเห็นแนวโน้มเติบโตสูง ซึ่งตั้งเป้าภายใน 3 ปีนี้จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากลุ่มนี้เป็น 5% จากที่มีสัดส่วนต่ำกว่า 3% ขณะที่ธุรกิจเดิมที่เป็นเคมีภัณฑ์เกี่ยวกับอุตสาหกรรมปิโตรเคมี รถยนต์ สีทาบ้าน ก็ยังเติบโตได้ดีต่อเนื่อง โดยแบ่งเป็นกลุ่มปิโตรเคมีภัณฑ์ เรซิ่น มีสัดส่วนรายได้ 25%, กลุ่มอุตสาหกรรมสี 25%, กลุ่มอุตสาหกรรมน้ำยาเคลือบผิวโลหะ ที่ใช้ชุบโครงเหล็กรถยนต์ สัดส่วน 15-16% และที่เหลือกลุ่มอื่น ได้แก่ เคมีก่อสร้าง กลุ่ทำความสะอาด กาว
นายวิทยา กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทได้วางแผนขยายสาขาในประเทศ 2 แห่งที่นครพนม และ หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อรองรับกลุ่มเคมีภัณฑ์ที่ใช้กับยางในภาคอีสาน และภาคใต้ และขยายสินค้าใหม่ได้หลากหลายมากขึ้น ได้แก่ น้ำยางข้น ถุงมืออนามัย ถุงยางอนามัย เป็นต้น
โดยในปีนี้ บริษัทจะขยายผลิตภัณฑ์ใหม่แก่กลุ่มลูกค้าเดิม และขยายฐานลูกค้าใหม่ หลังจากที่ทำการสำรวจตลาดมาก่อนหน้านี้
ส่วนแผนการขยายสาขาในต่างประเทศ 2 แห่ง คือ เมียนมาและกัมพูชา ในปี 61 โดยคาดว่าหลังไตรมาส 2/60 น่าจะได้ข้อสรุปแนวทางการลงทุนทั้งสองประเทศว่ามีลู่ทางอย่างไร เบื้องต้นจะเข้าไปทำธุรกิจเทรดดิ้งในเมืองย่างกุ้งด้วยตัวเองก่อน หากมีพันธมิตรท้องถิ่นก็พร้อมร่วมทุน ซึ่งขณะนี้มีการพูดคุยพันธมิตร 1 ราย
นายวิทยา กล่าวว่า ตลาดเมียนมามีศักยภาพมาก เพราะจำนวนประชากรใกล้เคียงกับประเทศไทย และอุตสาหกรรมสีน่าจะเติบโตได้ดี โดยบริษัทเข้าไปเปิดธุรกิจเทรดดิ้งตามบริษัทญี่ปุ่นที่เป็นคู่ค้าวัตถุดิบเคมีภัณฑ์ให้กับบริษัทที่ขยายโรงงานมาที่นิคมอุตสาหกรรมทิวาลาที่อยู่ใกล้ย่างกุ้ง อย่างไรก็ดี ขณะนี้เมียนมายังไม่มีความชัดเจนเรื่องกฎหมายการลงทุน และต้นทุนการทำธุรกิจยังไม่นิ่ง
ส่วนในกัมพูชา บริษัทมีคู่ค้ากับบริษัทคนไทยด้วยกัน โดยเห็นว่าเน้นสินค้าเคมีเกี่ยวกับงานก่อสร้าง ทำถนน ซึ่งยังมีความต้องการสูง และรัฐบาลกัมพูชา ก็ให้มาตรการจูงใจนักลงทุนต่างชาติ ทั้งนี้บริษัทจะเข้าไปลักษณะเทรดดิ้งเช่นกัน ทั้งนี้ การขยายสาขานอกจากกระจายฐานลูกค้าแล้ว บริษัทจะเป็นบริษัทที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเคมีภัณฑ์ (Chemical Solution)
นายวิทยา กล่าวว่า บริษัทได้เงินจากการระดมทุนผ่านการขายหุ้น IPO ได้เงินจำนวน 179 ล้านบาท โดยสัดส่วน 60-70% จะนำไปใช้เงินทุนหมุนเวียน ที่บริษัทจะมีการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศเกือบ 100% จากผู้ผลิตญี่ปุ่นเป็นหลัก นอกนั้นก็มาจากสหรัฐ ยุโรป จีน อินเดีย ส่วนงบการขยายสาขาในประเทศ สาขาละ 3 ล้านบาท รวม 6 ล้านบาท และสาขาในต่างประเทศ สาขาละ 5 ล้านบาทรวม 10 ล้านบาท