นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ช.การช่าง (CK) คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในปี 60 จะกลับเข้าสู่ปกติที่ระดับ 8-10% จากระดับ 7.08% ในปีที่ผ่านมา ที่ได้รับผลกระทบจากการรับงานเพิ่มในโครงการไซยะบุรี ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่างานก่อสร้างหลัก แต่ภาพรวมสำหรับผลประกอบการของปี 2559 เป็นไปตามเป้า มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทจำนวน 2,002 ล้านบาท มีรายได้จากการก่อสร้างและการขายวัสดุรวม 45,768 ล้านบาท
โดยในปี 59 บริษัทไม่ได้มีการขายเงินลงทุนเหมือนในปีก่อนหน้า และในไตรมาสที่ 2 บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นจากงานเพิ่มของโครงการไซยะบุรี ซึ่งงานเพิ่มนี้ได้รับการอนุมัติจากผู้ว่าจ้างและมีการลงนามสัญญาไปในไตรมาสที่ 2 ของปี 2559 เพื่อให้โครงการเดินหน้าต่อได้ตามแผนและเพื่อเพิ่มมาตรการดูแลสิ่งแวดล้อมให้ครบถ้วน เป็นมาตรฐานโลก อย่างไรก็ตามงานเพิ่มของไซยะบุรีนี้ มีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่างานก่อสร้างหลัก
ขณะที่ปัจจุบันนี้บริษัทมีงานในมือ (Backlog) ประมาณ 89,000 ล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกของ ปี 2560 บริษัทคาดการณ์ว่าจะได้ Backlog ใหม่ เข้ามา กว่า 50,000 ล้านบาท มาจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม 3 สัญญาที่ได้ลงนามไปในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ผ่านมา มูลค่ารวม 46,971 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีโครงการรอลงนามอีก 2 สัญญา ได้แก่ โครงการจัดหาและติดตั้งอุปกรณ์งานระบบรถไฟฟ้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย หัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ มูลค่าประมาณ 25,000 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถลงนามกับบมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ได้เร็ว ๆนี้ และ โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมาสัญญา4 มูลค่า 1,982 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 5 งานนี้จะทำให้ backlog ของบริษัทแตะระดับ 100,000 ล้านบาท
ส่วนความคืบหน้าของโครงการต่างๆ ที่บริษัทได้ทำอยู่นั้น เป็นไปตามแผน ในปี 2559 รถไฟฟ้าสายสีม่วงและทางด่วนศรีรัช - วงแหวนรอบนอกตะวันตก สามารถแล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้ก่อนเวลาถึง 4 เดือน โครงการรถไฟทางคู่ จิระ-ขอนแก่น ความคืบหน้าเป็น 14.5% และบริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2560
นายปลิว กล่าวอีกว่าว่า สำหรับงานประมูลในปี 2560 บริษัทยังมีความเชื่อมั่นว่า รัฐบาลจะผลักดันโครงการที่เป็นประโยชน์กับประเทศออกมาอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง ส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าสายสีม่วง สายสีส้ม สายสีน้ำเงินและสายสีเขียว ทางด่วนพระรามสาม-ดาวคะนอง เป็นต้น ซึ่งบริษัทเองก็ได้เตรียมความพร้อมในทุกด้านเพื่อเข้าร่วมประมูลอย่างเต็มที่ ในส่วนของเรื่องการกำกับการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานรัฐนั้น บริษัทไม่ได้มีความกังวลแต่อย่างใด เชื่อว่าจะทำให้เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลและเกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรม
นอกจากนี้เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติเห็นชอบผลการดำเนินงาน มีมติให้จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2559 ในวันที่ 28 เมษายน 2560 และมีมติให้บริษัทจ่ายปันผลจากผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีหลังของปี 2559 ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท ในอัตรา 0.25 บาทต่อหุ้น ซึ่งได้กำหนดให้วันที่ 15 มีนาคม 2560 เป็นวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นเพื่อสิทธิในการเข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2560 (XM) วันที่ 9 พฤษภาคมเป็นวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลสำหรับงวดครึ่งปีหลังของปี 2559 (XD) และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 26 พฤษภาคม 2560