นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บมจ.ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี (CCP) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปี 60 ไว้ที่ 2,550 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตจะเป็นไปตามการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ คาดว่าสัดส่วนรายได้ของบริษัทปีนี้จะมาจากงานภาครัฐ 80% และงานภาคเอกชน 20% โดยในส่วนของงานภาคเอกชน บริษัทจะมุ่งเน้นการเปิดตลาดใหม่จาก B to B เป็น B to C มากขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้าและกระจายความเสี่ยง รวมทั้งขยายช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูป ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ รองรับความต้องการกลุ่มลูกค้า
ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ (backlog) ประมาณ 2,500 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในระยะเวลา 1 ปี 6 เดือน แบ่งเป็นการรับรู้รายได้ภายในปีนี้ 60-65% โดยบริษัทจะทยอยหางานเข้ามาเพิ่มอีกในอนาคต เพื่อรักษาระดับมูลค่า backlog ไว้ไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท
นายอาทิตย์ กล่าวว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมในปีนี้คาดว่าจะมีทิศทางดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีสัญญาณบวกต่างๆทางด้านเศรษฐกิจที่จะส่งผลดีต่อธุรกิจ อาทิ งานในแผนปฏิบัติพัฒนาตามแนวระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ที่เริ่มต้นไปแล้วหลายโครงการ และจากที่ภาครัฐมีการทยอยอนุมัติงานโครงการเมกะโปรเจ็กต์ตามแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานออกมาต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี อาทิ งานก่อสร้างถนน รถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ และมอเตอร์เวย์ ฯลฯ
ทั้งนี้ หากการก่อสร้างภาครัฐมีความต่อเนื่องและเป็นไปตามแผน น่าจะทำให้ภาคเอกชนมีการลงทุนตาม ซึ่งจะส่งผลทางบวกต่อทุกอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง โดยในเบื้องต้นส่วนภาคเอกชน เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีในส่วนงานนิคมอุตสาหกรรม และคาดว่าจะเห็นการลงทุนของภาคเอกชนทยอยมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
ผลประกอบการปี 59 บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 2,326 ล้านบาท ซึ่งลดลงเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,414.07 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่ จำนวน 11.83 ล้านบาท ขณะที่ผลประกอบการตามงบเฉพาะกิจการของ CCP สำหรับปี 2559 มีรายได้รวมจำนวน 1,541.79 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 52.27 ล้านบาท เติบโตขึ้นเล็กน้อยจากปี 2558
นายอาทิตย์ กล่าวว่า ผลประกอบการเฉพาะกิจการมีการเติบโต จากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น แต่เนื่องจากมีการแข่งขันด้านราคาขายสูง และปีที่ผ่านมาส่วนของงานภาครัฐเป็นช่วงเริ่มต้นที่มีงานต่างๆทยอยเริ่มงานและอนุมัติออกมาในช่วงไตรมาส 3-4/59 ส่งผลให้ความต้องการใช้คอนกรีตปรับตัวเพิ่มขึ้นช่วงครึ่งหลังของปี แต่งานในส่วนภาคเอกชนยังชะลอตัวทำให้กลุ่มสินค้าของกลุ่มบริษัทที่เกี่ยวเนื่องกับ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงชะลอตัวตามตลาด