โบรกเกอร์แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW) หลังมองผลกำไรจากการดำเนินงานปีนี้จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากอัตราการเข้าพักและค่าห้องพักที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ยอดนักท่องเที่ยวยังคงขยายตัวและภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นจะช่วยหนุน นอกจากนี้ เป้าหมายการขยายพอร์ตโรงแรมเป็น 95 แห่งภายในปี 63 โดยจะกระจายไปยังต่างจังหวัดและต่างประเทศ จะช่วยลดความเสี่ยงด้านการกระจุกตัวของรายได้ในกรุงเทพฯ
อีกทั้งการลงทุนเพื่อขยายพอร์ตโรงแรมดังกล่าวไม่ได้สร้างความกังวลหรือถ่วงต่อผลการดำเนินงานมากนัก เพราะฐานรายได้และกำไรของ ERW มีความแข็งแกร่งมากกว่าในอดีต
ขณะที่ราคาหุ้นยัง underperform หุ้นกลุ่มโรงแรมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมถึงระยะสั้นจะได้รับประโยชน์จากช่วงไฮซีซั่นในไตรมาสแรกของปี จะช่วยหนุนให้กำไรสุทธิของ ERW ทำสถิติสูงสุดใหม่รายได้ไตรมาสได้ในไตรมาส 1/60
ปิดพักเที่ยงราคาหุ้น ERW อยู่ที่ 4.64 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อน ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยเพิ่มขึ้น 0.27%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ ซื้อ 5.40 ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ ซื้อ 5.80 กรุงศรี OUTPERFORM 6.00 ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 6.00 เอเซีย พลัส ซื้อ 6.00 ฟิลลิป (ประเทศไทย) ซื้อ 6.00 เออีซี ซื้อ 5.30
"ช่วงนี้ราคาหุ้น underperform หุ้นกลุ่มโรงแรมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกราว 7% year to date สะท้อนความเสี่ยงไปแล้วบางส่วน ขณะที่ในช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่ยอดนักท่องเที่ยวฟื้นตัวขึ้นมา 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน confirm โดยตัวเลขยอดนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านสนามบินของ AOT ทั้ง 6 แห่ง ระหว่างวันที่ 1-26 กุมภาฯเพิ่มขึ้น 8% บ่งชี้ว่า tourist traffic มีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง"นายสิทธิชัย กล่าว
นายสิทธิชัย กล่าวอีกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับหุ้นอื่นในกลุ่มเดียวกันนั้น มองว่าระยะสั้น ERW ซึ่งดำเนินธุรกิจโรงแรมเป็นหลัก จะได้รับประโยชน์เต็มที่จากยอดนักท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวขึ้น ขณะที่หุ้นอื่นอย่าง บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) หรือ บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL) ซึ่งมีทั้งธุรกิจโรงแรม ,ธุรกิจอาหาร ,ธุรกิจอาหารบริการด่วน (Quick Service) แต่การเติบโตของธุรกิจอาหารยังไม่ชัดเจน ตามการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งยังต้องติดตามดูต่อไปในช่วงไตรมาส 2 ด้วย
นักวิเคราะห์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า ERW ได้เปิดเผยแผนการลงทุนในอีก 4 ปีข้างหน้าจะเพิ่มขนาดสินทรัพย์อีกเกือบเท่าตัวจาก 1.17 หมื่นล้านบาทในปัจจุบัน ผ่านการใช้งบลงทุน 9.1 พันล้านบาทในช่วงปี 60-63 ซึ่งจะทำให้จำนวนโรงแรมในพอร์ต เพิ่มขึ้นจาก 41 แห่ง เป็น 95 แห่งภายในปี 63 ซึ่งผู้บริหารของ ERW คาดว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโต 10% โดยจะเป็นการเติบโตจากโรงแรมในปัจจุบัน 7% ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราการเข้าพัก (occupancy rate) และค่าห้องพัก (room rate) ที่ขยับสูงขึ้น ส่วนการเติบโตอีก 3% จะมาจากการเปิดโรงแรม HOP INN อีก 9 แห่ง โดยเป็นในประเทศ 8 แห่ง และอีก 1 แห่งที่ฟิลิปปินส์
อย่างไรก็ตาม กรุงศรี มองบนสมมติฐานแบบอนุรักษ์นิยมว่ารายได้ของ ERW ในปีนี้จะโตแค่ 8% แต่คาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักจะโต 34% เป็น 464 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่า consensus 8% เพราะเชื่อว่าตลาดมองข้ามประเด็นสำคัญไปประเด็นหนึ่ง คือการที่ ERW จะเริ่มจ่ายค่าเช่าคงที่ 72.5 ล้านบาท บวกค่าธรรมเนียมผันแปรที่อิงกับผลการดำเนินงานของ Ibis ป่าตอง และ Ibis พัทยา ภายใต้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอราวัณ โฮเทล โกรท (ERWPF) ในไตรมาส 2/60 จากนปัจจุบัน ERW ยังต้องจ่ายค่าเช่าที่อัตราการันตีขั้นต่ำอยู่ที่ปีละ 111.5 ล้านบาทไปจนถึงไตรมาส 1/60 จากข้อมูลในอดีตชี้ว่าอัตราใหม่ที่จะต้องจ่ายจะต่ำกว่าค่าเช่าขั้นต่ำที่การันตีเอาไว้
ทั้งนี้ ได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 60-62 ขึ้นอีก 3-9% หลังจากที่ได้ปรับเพิ่มสมมติฐานใหม่ และทำให้ได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 6 บาท ขณะที่มองว่าหุ้น ERW ปัจจุบันยังถูก โดยซื้อขายอยู่ที่ P/E ปี 60 แค่ 24x เท่านั้น ในขณะที่ P/E เฉลี่ยของหุ้นโรงแรมในภูมิภาคอยู่ที่ 28x ส่วนในไตรมาส 1/60 คาดว่ากำไรของ ERW จะทำสถิติสูงสุดใหม่รับประโยชน์จากการเป็นช่วง peak ของการท่องเที่ยว
บทวิเคราะห์ของ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่ามีมุมมองเป็นบวกต่อแผนการขยายโรงแรมของ ERW เพิ่มเป็น 95 แห่ง หรือคิดเป็นจำนวนห้องพักไม่ต่ำกว่า 10,000 ห้องพัก ด้วยเงินลงทุนอีกราว 9.1 พันล้านบาท ภายในปี 63 โดยเป็นการกระจายไปยังต่างจังหวัดและต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงด้านการกระจุกตัวของรายได้ในกรุงเทพฯ ขณะที่ไม่ได้เป็นกังวลนักกับโรงแรมเปิดใหม่ที่จะถ่วงผลการดำเนินงานในช่วงเริ่มแรกเนื่องจากฐานรายได้และกำไรของ ERW แข็งแกร่งกว่าในอดีตมาก
ทั้งนี้ ยังคงประมาณการกำไรปกติปี 60 เติบโต 20.6% จากปีที่แล้ว ขณะที่ระยะสั้นคาดว่าจะได้รับปัจจัยหนุนจากกำไรในช่วงไตรมาส 1/60 ที่จะทำจุดสูงสุดของปีจากอานิสงส์ของ Peak Season
บทวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่ากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามองแนวโน้มอุตสาหกรรมท่องเที่ยวภายในประเทศว่ายังอยู่ในช่วงของการเติบโต คาดตัวเลขนักท่องเที่ยวในปี 60 จะเพิ่มขึ้นเป็น 34.4 ล้านคน เพิ่มขึ้น 6% จากปีที่แล้ว และรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 8% จากปีที่แล้ว สอดคล้องกับแผนการเติบโต 5 ปีของ ERW ที่ปัจจุบันมีโรงแรมที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 16 แห่ง
แม้เผชิญ High season ที่ไม่สดใสนักในช่วงปลายปี 59 แต่ ERW ยังสามารถรักษาฐานกำไรไว้ได้ ขณะที่มีสัดส่วนรายได้ในประเทศมากที่สุดในกลุ่ม สะท้อนถึงผลการดำเนินงานได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว จะเริ่มเห็นการฟื้นตัวได้ในไตรมาส 1/60 เป็นต้นไปจากดีมานด์ของนักท่องเที่ยวที่เริ่มกลับมา ควบคู่กับ HOP INN ที่เริ่มมีบทบาทต่อผลการดำเนินงานของ ERW มากขึ้น ทางฝ่ายคงคำแนะนำ "ซื้อ" แม้จะปรับลดราคาพื้นฐานสำหรับปี 60 เป็น 6 บาท/หุ้น หลังได้ปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 60 ลง 10% เป็น 408 ล้านบาท เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่อาจเพิ่มขึ้นจากช่วงแรกของการเปิดโรงแรมใหม่ แต่กำไรยังเติบโต 11% จากปีที่แล้ว