นายบุญชัย สุวรรณวุฒิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ผลธัญญะ (PHOL) คาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้จะดีขึ้นจากปีก่อน โดยวางเป้าหมายรายได้เติบโตประมาณ 25% จากปีก่อน จากการเติบโตของสินค้าทุกกลุ่มธุรกิจ สอดคล้องกับการขับเคลื่อนโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐบาลและภาคอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มขยายตัว โดยบริษัทมุ่งเน้นการให้บริการอย่างครบวงจร การพัฒนาด้านบุคลากรให้มีความเป็นผู้เชี่ยวชาญ การเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดโดยการพัฒนาสินค้า การเพิ่มสินค้าใหม่ ให้สามารถตอบสนองความต้องการทั้งในกลุ่มลูกค้าเดิมและขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ที่บริษัทยังมีส่วนแบ่งการตลาดน้อย
ด้านธุรกิจน้ำ ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากภาครัฐที่ยังมีนโยบายด้านการบริหารจัดการน้ำอย่างต่อเนื่อง และจากภาคอุตสาหกรรมที่ระบบบำบัดน้ำยังเป็นสิ่งจำเป็นในกระบวนการดำเนินธุรกิจ โดยบริษัทเชื่อมั่นว่า ด้วยศักยภาพและความมุ่งมั่นของบริษัท จะสามารถพัฒนาบุคลากรและทีมงานให้มีความเชี่ยวชาญในการรุกธุรกิจระบบบำบัดน้ำได้ และการพัฒนาด้านการบริหารงานโครงการให้มีประสิทธิภาพ จึงมั่นใจ ธุรกิจด้านระบบบำบัดน้ำของบริษัทจะสามารถเติบโตและสร้างผลกำไรที่ดีได้ในอนาคต
"ภาพรวมธุรกิจปี 59 บริษัทมีรายได้เติบโตถึง 20% แต่ด้วยผลกระทบจากการบริหารงานก่อสร้างโครงการในธุรกิจน้ำที่ส่งมอบงานล่าช้า ทำให้ในปี 59 บริษัทมีผลดำเนินงานขาดทุน อย่างไรก็ตาม บริษัทได้พยายามเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว และยังมองเห็นโอกาสในการเติบโตของธุรกิจ ปี 60 บริษัทยังเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์ที่บริษัทได้ตั้งเป้าหมายไว้ การมุ่งเน้นการให้บริการอย่างครบวงจร การเพิ่มส่วนแบ่งตลาด การพัฒนาด้านบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญในทุกธุรกิจของบริษัท โดยเฉพาะธุรกิจด้านระบบบำบัดน้ำ จะทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทมีทิศทางที่ดีขึ้น"นายบุญชัย กล่าว
นายบุญชัย กล่าวว่า ปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 1,097.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.01% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีกลุ่มสินค้าและบริการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ยังคงเป็นรายได้หลักของบริษัท จำนวน 687.37 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนอยู่ที่ 63% และมีรายได้กลุ่มสินค้าและบริการด้านการควบคุมสภาพแวดล้อม 130.29 ล้านบาท สัดส่วนที่ 12% ของรายได้จากการขายและให้บริการทั้งหมด
ขณะที่รายได้ในกลุ่มสินค้าและบริการด้านระบบบำบัดน้ำปรับเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าอย่างชัดเจน อยู่ที่ 280.34 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 25% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยปัจจัยสำคัญมาจากรายได้รับเหมางานก่อสร้างโครงการระบบน้ำประปาชุมชน อย่างไรก็ตาม ด้วยปริมาณงานที่มีจำนวนมากกว่า 100 โครงการซึ่งมีระยะเวลาการรับงานและส่งมอบงานใกล้เคียงกัน ทำให้ประสบปัญหาแรงงานในการก่อสร้างไม่เพียงพอ
นอกจากนี้ บุคลากรในการควบคุมงานก่อสร้างมีจำนวนจำกัด ทำให้ไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างได้แล้วเสร็จตามกำหนด ในไตรมาส 4/59 บริษัทจึงประมาณการหนี้สินที่เกิดจากความล่าช้าของโครงการจำนวน 97.11 ล้านบาท โดยเป็นหนี้สินที่บริษัทสามารถเรียกร้องจากผู้รับจ้างจำนวน 80.39 ล้านบาท อย่างไรก็ตามบริษัทประมาณการค่าปรับส่งมอบงานล่าช้า ซึ่งอาจจะไม่ได้รับคืนจากผู้รับจ้าง จึงบันทึกสำรองประมาณการหนี้สินจำนวน 56.51 ล้านบาท ทำให้ในปี 59 มีผลขาดทุนสุทธิ 15.25 ล้านบาท จากปี 58 ที่มีกำไรสุทธิ 34.31 ล้านบาท