นายชุติเดช ชยุติ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส-คอร์ปอเรท ไฟแนนซ์ บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) กล่าวว่า การใช้จ่ายผ่านบัตรในช่วงไตรมาส 1/60 ยังชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากลูกค้าส่วนใหญ่เร่งใช้จ่ายในช่วงปลายปีที่ผ่านมาเพื่อใช้สิทธิตามมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐ แต่เชื่อว่าน่าจะฟื้นตัวดีขึ้นในเดือน มี.ค.นี้ ซึ่งทาง KTC ก็มีการดำเนินกลยุทธ์อย่างต่อเนื่องทั้งในส่วนของบัตรเครดิตที่ยังคงมีการขยายพอร์ต และจับกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้สูง รวมถึงในระดับปานกลาง ,การพัฒนาผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตให้ดีมากขึ้น รวมถึงสินเชื่อบุคคลก็จะเจาะกลุ่มลูกค้ามากขึ้น และดูในเรื่องของวินัยทางการเงินว่ามีความสม่ำเสมอหรือไม่
นอกจากนั้น บริษัทยังเชื่อว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐน่าจะส่งผลดีต่อการใช้จ่ายภาคประชาชน ซึ่งบริษัทยังคงตั้งเป้าหมายยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตปีนี้เติบโต 15% มาที่ 1.9 แสนล้านบาท จากปีก่อนเติบโตราว 13% ขณะที่ระบบอุตสาหกรรมโตได้เพียง 6-8% และยังมีแผนเพิ่มจำนวนบัตรเครดิตในปีนี้อีก 4 แสนใบ จากฐานปัจจุบันอยู่ที่ 2.2 ล้านใบ โดยมีบัตรเครดิตที่เคลื่อนไหวในสัดส่วนกว่า 75% ของบัตรทั้งหมด
ขณะที่บริษัทตั้งเป้าสินเชื่อส่วนบุคคลปีนี้เติบโต 13-15% จากปีก่อนเติบโต 18% จากการปรับเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำของผู้ขอสินเชื่อบุคคลเป็น 12,000 บาท/เดือน จากเดิม 10,000 บาท/เดือน เนื่องจากลูกค้ากลุ่มดังกล่าวเริ่มมีความตึงตัวทางด้านการเงิน
รวมทั้งวางเป้าหมายจะรักษาสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของบัตรเครดิตปีนี้ ให้อยู่ระดับใกล้เคียงกับสิ้นปีที่ผ่านมาที่อยู่ 1.35% จากระบบอยู่ที่ 2.9% และNPL ของสินเชื่อบุคคลปีนี้จะรักษาให้ใกล้เคียงกับสิ้นปีที่ผ่านมาเช่นเดียวกันที่อยู่ 0.94% จากระบบที่อยู่ 3.14% ส่วนการตั้งสำรองของบริษัทฯในปีนี้ยังอยู่ในระดับสูง เพื่อรองรับมาตรฐานบัญชีใหม่อย่าง IFRS9 ที่จะเริ่มใช้ในปี 62 ถึงแม้ว่าในปัจจุบันสัดส่วนสำรองต่อ NPL ของบริษัทจะสูงถึง 472.8%
นายชุติเดช กล่าวอีกว่า บริษัทมีแผนจะออกหุ้นกู้ชุดใหม่ในปีนี้จำนวน 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยออกเพื่อชดเชยหุ้นกู้เดิมที่จะครบกำหนดอายุในปีนี้ และที่เหลือจะใช้ในการขยายธุรกิจในอนาคต โดยอายุหุ้นกู้ชุดใหม่จะอยู่ที่ 5 ปี และ 7 ปี เพื่อล็อคต้นทุนทางการเงินไว้ หลังจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในปีนี้น่าจะปรับตัวสูงขึ้นทำให้บริษัทปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการบริหารต้นทุนการเงิน โดยจะเพิ่มสัดส่วนของเงินกู้ระยะยาวมากขึ้น เพื่อชะลอผลกระทบของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อต้นทุนเงินให้น้อยที่สุด
พร้อมกันนี้ บริษัทมีแผนไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ที่ประเทศสิงค์โปร์ ในวันที่ 16-17 มี.ค.นี้ ร่วมกับบล.ซี แอล เอส เอ ประเทศไทย (CLSA) และหลังจากนั้นมีแผนโรดโชว์ที่ประเทศฮ่องกง ร่วมกับบล.ธนชาต อีกทั้งยังมีแผนที่จะไปโรดโชว์ในยุโรปและอเมริกา หลังจากนี้อีกด้วย โดยคาดหวังให้นักลงทุนสถาบันต่างประเทศสนใจ และเข้ามาลงทุนในหุ้นของบริษัทมากขึ้น โดยต้องการให้นักลงทุนถือหุ้นในระยะยาวมากกว่าในระยะสั้น อย่างไรก็ตามสิ้นปี 59 สัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนสถาบันต่างชาติถืออยู่ 10.33% เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 58 ที่อยู่ 6.12% นักลงทุนสถาบันไทยถืออยู่ 67.22% และ บุคคลธรรมดาไทยถืออยู่ 22.45%