นายวรวรรต ศรีสอ้าน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ยูนิเวนเจอร์ (UV) ตั้งเป้ารายได้รวมปี 60 เติบโตประมาณ 10-15% จากปี 59 ที่มีรายได้รวม 17,315.6 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 75-80% ของรายได้รวม ทั้งนี้มาจากโครงการแนวราบประมาณ 55-60% และมาจากโครงการแนวสูงประมาณ 20-25% รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าประมาณ 5-10% ธุรกิจสังกะสีออกไซด์ประมาณ 6-10% ของรายได้ และธุรกิจอื่นๆ ประมาณ 1-5% ของรายได้
ทั้งนี้ ปีนี้คาดว่ารายได้จากโครงการแนวราบจะเติบโต 10-15% จากปีก่อนมีรายได้ 9,825 ล้านบาท และรายได้จากโครงการแนวสูง คาดเติบโต 5-10% จาก 4,411 ล้านบาทในปีก่อน
ในปี 60 บริษัทวางแผนเปิดโครงการแนวราบใหม่ จำนวน 21 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 21,000 ล้านบาท และโครงการคอนโดฯ 4 โครงการ มูลค่า 6 พันล้านบาท
โดยโครงการแนวสูงหรือคอนโดมิเนียมใหม่ จะเปิดขายโครงการยูนิไลท์ เกษตร-นวมินทร์ มูลค่า 900 ล้านบาทในเดือนมี.ค. ที่เลื่อนการเปิดขายในไตรมาส 4/59 ส่วนในไตรมาส 3/60 จะเปิดขาย 2 โครงการ ได้แก่ โครงการยูนิไลท์ จรัลสนิทวงศ์ มูลค่า 1,750 ล้านบาท ความสูง 30 ชั้น จำนวน 570 ยูนิต และ โครงการยุนิไลท์ บางบัว มูลค่า 1,300 ล้านบาท จำนวน 390 ยูนิต ความสูง 15-17 ชั้น ส่วยอีกโครงการจะเปิดในไตรมาส 4/60
ส่วนยอดขาย (Presale) ของโครงการแนวสูงในปี 60 คาดว่าจะอยู่ที่ 4,500 ล้านบาท จากปีก่อนทำได้ 2,400 ล้านบาท โดยในไตรมาสแรกคาดว่าจะมียอดขาย 1,000 ล้านบาท โดยมาจากงานมหกรรมบ้านและคอนโดมิเนียม (ช่วงวันที่ 9-12 มี.ค.) ที่จะนำโครงการเดิม 6 โครงการ ตั้งเป้ายอดขาย 400 ล้านบาท,ยอดขายจากโครงการยูนิไลท์ เกษตร-นวมินทร์ ราว 300 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) รวม 3,276 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 1,706.8 ล้านบาท และโครงการแนวสูง 1,569.2 ล้านบาท ซึ่งรับรู้ในปี 60 ทั้งหมด
นายวรวรรต กล่าวว่า ในปี 60 บริษัทตั้งงบลงทุนซื้อที่ดินสำหรับโครงการแนวสูง จำนวน 2,750 ล้านบาท รองรับการพัฒนา 4 โครงการจากปีก่อนที่ใช้งบลงทุนที่ดิน 750 ล้านบาท โดยในปีก่อนโครงการออกล่าช้า เพราะเห็นว่าสินค้าหรือคอนโดมิเนียมออกมามากในตลาด และในปีนี้ก็ยังคาดว่าตลาดยังเป็นของผู้ซื้ออยู่ ทั้งนี้ บริษัทต้องมองตลาดล่วงหน้า 2 ปี เพื่อเตรียมพร้อมไว้เพราะเห็นว่าการขยายเส้นทางของรถไฟฟ้าโดยเฉพาะรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่จะขยายครบโครงข่าย ทำให้การเดินทางกระจายไปไกลมากขึ้น และ รถไฟฟ้าสายสีเขียวที่มีส่วนต่อขยายและเชื่อมต่อกับเส้นทางปัจจุบัน ก็ยังเป็นส่วนสำคัญทำให้ตลาดคอนโดมิเนียมยังน่าลงทุนอยู่ ซึ่งบริษัทได้ซื้อที่ดินแล้วในย่านจรัลสนิทวงศ์ อยู่บนเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และ ย่านบางบัว อยู่เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว
"การขยาย mass transit ทำให้การพัฒนาคอนโดมิเนียมยังไปได้ การขยายผังเมืองมีส่วนสำคัญในการลงทุนอย่างมีสาระสำคัญ" นายวรรรต กล่าว
ขณะเดียวกัน บริษัทจะเพิ่มแบรนด์ที่เป็นระดับบนมากขึ้น จากที่มี 3 แบรนด์ คือ คอนโดยู, ยูดีไลท์ และ ยูนิไลท์ เรสสิเดนท์ ทั้งนี้เพื่อให้มีความหลายกหลายของสินค้า และจะทำให้การรับรู้รายได้มีเสถียรภาพมากขึ้น ส่วนยอดปฏิเสธขอกู้เงินจากสถาบันการเงินของลูกค้าบริษัทจัดอยู่ในเกณฑ์ปกติ คือ 10%
นอกจากนี้ บริษัทยังมองหาการลงทุนโครงการอาคารสำนักงานเหมือนอาคารปาร์ค เวนเชอร์ แต่ยอมรับว่า ต้องเป็นทำเลที่ดี ทั้งนี้ได้มีการศึกษามองหากโครงการ เพื่อความเหมาะสมต่อไป เพราะในช่วง 5 ปีข้างหน้า บริษัทต้องการรายได้จากการเช่า เพิ่มสัดส่วนขึ้นมาเป็น 15-20% จากปีก่อนมีสัดส่วน 8%