(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ซึมไร้ปัจจัยใหม่-ต่างชาติขายต่อเนื่อง-บาทอ่อน-ราคาน้ำมันลง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 8, 2017 09:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะซึม เนื่องจากตลาดฯขาดปัจจัยใหม่เข้ามา ขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบ เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติยังขายอยู่ทำให้กดดันดัชนีฯและมีโอกาสที่จะลงไปทดสอบแถว 1,540 จุด ซึ่งก็ต้องดูว่าจะยืนได้หรือไม่

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันก็ปรับตัวลงต่อเนื่อง อันเป็นผลจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่า ส่งผลให้มีแรงขายหุ้นในกลุ่มพลังงานออกมา ทั้งนี้ การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันที่ 14-15 มี.ค.นี้ มีโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จึงส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่า ขณะที่เงินบาทอ่อนค่าลง ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นและตราสารหนี้ออกมาอย่างต่อเนื่อง 6-7 วันที่ผ่านมาแล้ว

ส่วนการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 9 มี.ค.นี้ ก็คาดว่าจะไม่มีมาตรการใหม่ออกมา ดังนั้นตลาดฯจึงน่าจะปรับฐานลงต่อ โดยคาดว่าจะมีแรงขายจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน, กลุ่มแบงก์ และกลุ่มสื่อสาร

พร้อมให้แนวรับ 1,544 จุด ส่วนแนวต้าน 1,556 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (7 มี.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,924.76 จุด ลดลง 29.58 จุด (-0.14%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,833.93 จุด ลดลง 15.25 จุด (-0.26%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,368.39 จุด ลดลง 6.92 จุด (-0.29%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 35.62 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 1.88 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 53.79 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 6.19 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 1.78 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 1.99 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.88 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (7 มี.ค.60) 1,549.87 จุด ลดลง 3.74 จุด (-0.24%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,423.69 ล้านบาท เมื่อวันที่ 7 มี.ค.60
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน เม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (7 มี.ค.60) ปิดที่ 53.14 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 6 เซนต์ หรือ 0.1%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (7 มี.ค.60) ที่ 5.31 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 35.11 อ่อนค่าตามภูมิภาคหลังดอลล์แข็งจากคาดการณ์เฟดมีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ย
  • การประชุมคณะกรรมการวินิจฉัยภาษี กระทรวงการคลัง เมื่อวานนี้ เพื่อหารือการเก็บภาษีเงินได้จากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นอินทัช) ให้บริษัท เทมาเสกโฮลดิ้งส์ มูลค่า 7.3 หมื่นล้านบาท ในปี 2549 และไม่ได้แสดงรายได้เสียภาษีภายในวันที่ 31 มี.ค. 2550 ซึ่งคดีจะหมดอายุความในวันที่ 31 มี.ค. 2560 นั้น ผลสรุปของการประชุมคือไม่สามารถทำได้
  • กบง.สั่งตรึงราคาแอลพีจี งวดเดือน มี.ค.60 ที่ 20.96 บาท/กก. ลดภาระชดเชยกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
  • กรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบันจับตาธนาคารกลางสหรัฐ ปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 14-15 มี.ค.นี้ เชื่อขึ้นแน่ 0.25 บาท หรืออาจจะถึง 0.50 บาท คาดเงินดอลลาร์จะแข็งค่า ส่งผลดีต่อเงินบาทไทยให้อ่อนลงอีก แต่ผลเสียทำให้เงินทุนไหลออก
  • ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ว่า ที่ประชุม กกร.มีความเห็นคงกรอบประมาณการตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของไทยปี 2560 ตามเดิมที่ 3.5-4% ส่งออกโต 1-3% และอัตราเงินเฟ้อที่ 1-2% เหตุเศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มฟื้นตัวท่ามกลางปัจจัยที่ต้องเฝ้าระวัง โดยเฉพาะความผันผวนของค่าเงินและความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนและเม็กซิโก

*หุ้นเด่นวันนี้

  • TPCH (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 23 บาท คงเป้ากำลังผลิตไฟฟ้าชีวมวลที่มี PPA ระดับ 200 MW ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันระดับ 140 MW คาดว่าภาครัฐจะทยอยเปิดประมูลโครงการใหม่ๆใน 2H60 ซึ่งบริษัทมีความได้เปรียบจากประสบการณ์การทำโรงไฟฟ้าชีวมวล โดยเฉพาะในภาคใต้ แนวโน้มกำไร 1Q60 จะ New high ต่อเนื่องจากโรงไฟฟ้าทุ่งสังกรีน (9.2MW, TPCH ถือ 65%) ผลิตเต็มไตรมาส ส่วนโรงไฟฟ้าพัทลุงกรีนพาวเวอร์ จะเริ่ม COD กลาง เม.ย.
  • SCC (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 580 บาท ซื้อโรงงานผลิตปูนในเวียดนาม ขนาด 3.1 ล้านตัน/ปี มูลค่า US$440 ล้าน มองราคาเข้าซื้อใกล้เคียงกับที่ SCCC ซื้อหุ้น Holcim ในเวียดนาม มองเป็น Strategic move ที่จะขยายฐานธุรกิจในเวียดนามมากขึ้น ขณะที่ระยะสั้นได้ผลดีจากราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรฯ สูง หนุนกำไร 1Q60 ออกมาแข็งแกร่งต่อเนื่อง
  • CK (แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์) "ซื้อ"เป้า 33.5 บาท มั่นใจว่า โครงการภาครัฐจะเดินหน้าไปได้ดี แม้อาจมีความล่าช้าระหว่างทางบ้าง ขณะที่ Backlog ยังแข็งแกร่ง 8.3 หมื่นลบ. รองรับได้ 2.6 ปี และมีโอกาสได้เพิ่มจากบริษัทในกลุ่ม แต่คาดการณ์กำไรปี 60 หดตัวแรงจากรายได้ก่อสร้างลดลงมาก และรายการ One-time ด้านบวกในปีก่อน พร้อมคาดว่าทิศทางกำไรปี 60 จะหดตัวแรง -51%YoY เป็น 987 ลบ.

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ