โบรกเกอร์แนะ"ซื้อ"หุ้นบมจ.สามารถเทลคอม (SAMTEL) หลังมองกำไรปีนี้จะฟื้นตัวครั้งแรกในรอบ 3 ปี จากงานภาครัฐที่คาดว่าจะออกมามากขึ้นในปีนี้ ซึ่งจะเริ่มเห็นตั้งแต่ต้นไตรมาส 2/60 จนถึงช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดย SAMTEL มีโอกาสสูงจะเป็นผู้ชนะประมูลโครงการ และคาดว่าจะได้สัญญาใหม่ถึง 1 หมื่นล้านบาท ขณะที่ปีนี้ยังจะรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog) ที่มีอยู่เดิมเข้ามาด้วย ด้านมาร์จิ้นในปีนี้มีโอกาสที่จะทำได้สูงกว่าปีที่แล้ว จากปริมาณงานที่มีออกมามากขึ้นทำให้การแข่งขันลดลง รวมถึงต้นทุนไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก
นับตั้งแต่ต้นปีราคาหุ้น SAMTEL แม้จะปรับตัวขึ้นราว 19% สวนทางดัชนีหุ้นไทยที่ปรับลดลงราว 0.28% แต่ราคาหุ้นยังต่ำกว่าราคาเป้าหมาย ทำให้น่าสนใจในการลงทุน รวมทั้งผลการดำเนินงานคาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งในปีนี้
ราคาหุ้น SAMTEL พักเที่ยงอยู่ที่ 11.90 บาท ลดลง 0.20 บาท (-1.65%) ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยลดลง 0.72%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) บัวหลวง ซื้อ 15.00 ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ซื้อ 14.00 เคจีไอ (ประเทศไทย) Outperform 13.80 ฟินันเซีย ไซรัส ถือ 13.00 เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ถือ 12.20
นายวสุ มัทนพจนารถ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วึคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของ SAMTEL ในปีนี้จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติที่ดีอีกครั้ง โดยประเมินกำไรปีนี้จะอยู่ที่ 455 ล้านบาท เติบโต 165% จากปีก่อน จากรายได้ที่คาดว่าจะเติบโตราว 57% มาที่ 8.5 พันล้านบาท และคาดว่าอัตรากำไรสุทธิจะฟื้นตัวขึ้นมาที่ระดับ 5% จาก 3% ในปีที่แล้ว เพราะมองการแข่งขันไม่น่าจะรุนแรง และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร(SG&A) บางส่วนไม่ได้เพิ่มขึ้นตามรายได้
สำหรับรายได้ที่เติบโตในปีนี้จะมาจากการรับรู้รายได้งานในมือที่ ณ สิ้นปี 59 อยู่ที่ 8.8 พันล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ฯ ภายในปีนี้ราว 50% และคาดว่าปีนี้จะสามารถลงนามในสัญญางานใหม่มากถึง 1 หมื่นล้านบาท จากปีที่แล้วที่ได้สัญญางานใหม่ 7 พันล้านบาท จากปริมาณงานที่คาดว่าจะมีเข้ามามากขึ้นตามการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ หลังจากช่วง 2 ปีก่อนปริมาณงานโครงการไอซีทีชะลอตัวลง โดยเริ่มเห็นสัญญาณจากการประมูลงานโครงการรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ของภาครัฐที่ออกมามากในต้นปีนี้ ซึ่งปริมาณงานที่ออกมามากขึ้นก็จะทำให้การแข่งขันไม่รุนแรงเช่นในปีก่อนที่งานออกมาน้อยทำให้ได้มาร์จิ้นไม่มากนัก
"กำไรปีนี้เราคาดว่าจะเติบโตได้มากถึง 165% จากปีที่แล้ว ฟื้นตัวได้แรงกว่ารายได้ เพราะต้นทุน SG&A ไม่ได้โตตาม top line ทั้ง 100%...ต้นปีที่ผ่านมาเราเห็นราคาหุ้น SAMTEL ขยับขึ้นมาแล้ว แต่ก็ยังมี Upside จากราคาเป้าหมายอยู่"นายวสุ กล่าว
ด้าน บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ว่า การเปิดประมูลงานโครงการขนาดใหญ่ของหน่วยงานภาครัฐมีแนวโน้มที่จะเริ่มต้นตั้งแต่ไตรมาส 2/60 ไปจนถึงช่วงครึ่งหลังของปี 60 จากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณงานโครงการภาครัฐ ขณะที่เชื่อว่า SAMTEL มีโอกาสสูงมากที่จะเป็นผู้ชนะการประมูลงานโครงการใหม่ของหน่วยงานภาครัฐ เนื่องจากงานประมูลส่วนใหญ่เป็นการเปิดประมูลงานต่อเนื่องจากงานเดิม ดังนั้น โอกาสที่ SAMTEL จะชนะการประมูลจึงมีสูงมาก เพราะมีประวัติการทำงานจากงานโครงการเดิม
ทั้งนี้ SAMTEL ตั้งเป้าจะเซ็นสัญญางานโครงการใหม่มูลค่า 1.3 หมื่นล้านบาทในปี 60 เพิ่มขึ้น 86% จากงานโครงการใหม่ที่เซ็นสัญญาไป 7 พันล้านบาทในปีที่ผ่านมา ซึ่งรวมงานโครงการขนาดใหญ่ของหน่วยงานภาครัฐ และหน่วยงานรัฐวิสาหกิจจำนวน 5 โครงการ แต่ละโครงการมีมูลค่า 2-4 พันล้านบาท
"เราเชื่อว่ามูลค่างานโครงการใหม่ที่เซ็นสัญญาผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 3/59 ที่มีจำนวน 707 ล้านบาท ก่อนที่จะเติบโตก้าวกระโดดในไตรมาส 4/59 จำนวน 4.7 พันล้านบาท และแนวโน้มดังกล่าวคาดว่าจะต่อเนื่องไปยังครึ่งแรกของปีนี้จำนวน 4-6 พันล้านบาท และเราคาดว่ากำไรหลักได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 3/59 และปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4/59 ไปจนถึงตลอดทั้งปี 60"บล.บัวหลวง ระบุ
บล.บัวหลวง ระบุอีกว่า กำไรหลักของ SAMTEL ในปีนี้มีแนวโน้มเติบโตก้าวกระโดด 100% จากที่ลดลงไปต่ำสุดในปีที่ก่อน เนื่องจากการฟื้นตัวกลับมาของรายได้และอัตรากำไรขั้นต้น โดยประเมินรายได้รวมในปีนี้ที่ 6.75 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จากปีก่อน และอัตรากำไรสุทธิที่ 5.5% สำหรับในปี 60 จากการที่ SAMTEL ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากงานประจำในรูปของงานบริการ (recurring services) เพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับสัดส่วนรายได้จากงานขายแบบครบวงจร (turnkey) โดย SAMTEL ตั้งเป้าที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากงานประจำให้ขึ้นไปอยู่ที่ 50% ของรายได้รวม ในปี 61 จาก ณ ปัจจุบัน 30% ทั้งนี้ อัตรากำไรขั้นต้นของงานโครงการที่เน้นบริการอยู่ที่ราว 18-20% สูงกว่างานโครงการที่เน้นการขายแบบครบวงจรซึ่งอยู่ที่ราว 8-10%
ส่วนบทวิเคราะห์บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุว่าผลประกอบการของ SAMTEL ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในปี 59 และผลประกอบการมีแนวโน้มสดใสต่อเนื่องในปี 60 ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และนโยบายของรัฐบาลที่จะส่งเสริมเทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์ นอกจากนี้ ยังมองว่า SAMTEL มีศักยภาพที่จะได้งานที่ใหญ่ขึ้นจากรัฐวิสาหกิจเนื่องจากส่วนใหญ่เป็นลูกค้าของ SAMTEL อยู่แล้ว และยังมีความจำเป็นต้องใช้งบเพื่อบริการ ICT solution เพิ่มอีกหลังจากที่ชะลอการใช้จ่ายส่วนนี้ลงไปในช่วง 2ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ คาดว่ากำไรสุทธิของ SAMTEL ในปี 60 จะยังเติบโตได้ถึง 28% จากปีก่อน จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นตามงานในมือมีอยู่ในระดับสูงขึ้นเป็น 9 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่า 50% หรือ 4.4 พันล้านบาทจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ และปริมาณงานใหม่ในปีนี้ที่คาดจะเซ็นสัญญาเพิ่มได้อีก 7 พันล้านบาท และน่าจะรับรู้เป็นรายได้ทันภายในปีนี้ประมาณ 40%