นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กรุ๊ปลีส (GL) กล่าวขี้แจงการให้กู้ยืมเงินและดอกเบี้ยค้างรับจำนวน 3,477 ล้านบาท ให้กับผู้กู้ที่เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท และได้นำหลักทรัพย์ส่วนหนึ่งที่เป็นหุ้นของบริษัทมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้ยืม ร่วมกับสินทรัพย์อื่น ๆ ในต่างประเทศทั้งพันธบัตร อสังหาริมทรัพย์ และหุ้นบริษัทอื่น ซึ่งเป็นเหตุให้ผู้สอบบัญชีระบุไว้ในหมายเหตุงบการเงินประจำปี 59 ทำให้เกิดการตั้งข้อสงสัยในความโปร่งใสของธุรกรรมดังกล่าว
นายมิทซึจิ กล่าวผ่าน Skype กับผู้สื่อข่าวว่า ผู้กู้ทั้ง 2 กลุ่มที่อยู่ในสิงคโปร์และไซปรัสเป็นหุ้นส่วนการทำธุรกิจของ GL เป็นเวลายาวนานและมีความน่าเชื่อถือ โดยส่วนใหญ่เป็นดีลเลอร์รถมอเตอร์ไซค์ เครื่องจักรกลเกษตร แผงโซลาร์เซลล์และอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างอื่นในกัมพูชา โดยในส่วนของดีลเลอร์รายใหญ่เป็นผู้จัดหาสินค้าให้กับผู้กู้รายย่อยระดับรากหญ้า และดีลเลอร์เหล่านี้ก็ได้กลายสภาพมาเป็นผู้ถือหุ้นของ GL ด้วย
GL ได้ปล่อยสินเชื่อให้กับผู้กู้ทั้งสองกลุ่มที่จดทะเบียนจัดตั้งในสิงคโปร์และไซปรัส ซึ่งกลุ่มแรก คือ ดีลเลอร์รายใหญ่ที่จัดซื้อสินค้าล็อตใหญ่ไปกระจายให้กับดีลเลอร์รายย่อยในกัมพูชา และ อีกกลุ่มหนึ่ง คือ ดีลเลอร์รายย่อยที่อยู่ระหว่างรอการจดทะเบียนเข้าสู่ระบบภาษีในกัมพูชา ซึ่งทั้งสองกลุ่มเป็นคู่ค้าที่ GL เข้าไปปล่อยกู้ให้กับผู้กู้รายย่อยที่ซื่อสินค้าจากดีลเลอร์ด้วย
นายมิตซึจิ กล่าวว่า ดีลเลอร์รายย่อยในสัดส่วนราว 55% จากทั้งหมดที่เป็นคู่ค้าของ GL ในกัมพูชายังอยู่นอกระบบภาษีและอยู่ระหว่างรอการพิจารณาของทางการกัมพูชา จึงต้องทำในรูปแบบนี้มาตลอดระยะเวลา 4-5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งไม่เคยเกิดปัญหาและไม่มีหนี้เสียเกิดขึ้น โดยระยะแรกเป็นการปล่อยกู้ในสัญญา 3 เดือนจากนั้น rollover ต่ออายุสัญญามาระยะหนึ่ง จนกระทั่งเกิดความไว้วางใจจากประสิทธิภาพในการชำระหนี้ จึงมีการขยายระยะเวลากู้เป็น 1 ปี และในที่สุดก็มีการขยายระยะเวลา 3 ปี
ทั้งนี้ หากดีลเลอร์ที่เป็นผู้กู้ทั้งหมดได้รับการอนุมัติให้เข้าสู่ระบบภาษีจากรัฐบาลกัมพูชา ก็จะกลับเข้าสู่ระบบการปล่อยกู้ตามปกติโดยบริษัทย่อยของ GL ในกัมพูชา
ส่วนความกังวลเกี่ยวกับการคิดอัตราดอกเบี้ยกับผู้กู้ทั้งสองกลุ่มในอัตราสูงถึง 16-17% อาจเป็นเพราะผู้กู้มีปัญหาทำให้มีความเสี่ยงสูงนั้น นายมิตซึจิ กล่าวยืนยันว่า ผู้กู้ไม่ได้มีปัญหา แต่จริงๆ แล้วอัตราดอกเบี้ยที่บริษัทได้รับคือ 6% ขณะที่ส่วนเกินจากนั้นเป็นค่าธรรมเนียมต่าง ๆ และค่าใช่จ่ายอื่นๆ
ขณะที่มูลค่าสินทรัพย์และหลักทรัพย์ในการค้ำประกันยังถือว่าเกินมูลค่าเงินกู้ค่อนข้างมาก โดยแบ่งเป็น อสังหาริมทรัพย์ในเกาะไซปรัสและประเทศบราซิล หากตีมูลค่าเพียง 50% ของราคาตลาด ถือว่ามีมูลค่าคิดเป็น 68% ของยอดสินเชื่อ นอกจากนั้นยังมีหุ้นในบริษัทต่างประเทศและหุ้นของ GL ที่ผู้กู้ถืออยู่ และพันธบัตรรัฐบาล ยังไม่นับรวมสินทรัพย์ประเภท Inventory อีกส่วนหนึ่ง ซึ่งหากตีมูลค่าตามราคาตลาดก็น่าจะสูงกว่า 200% ของยอดหนี้
อย่างไรก็ตาม นายมิตซึจิ ไม่ได้ชี้แจงถึงการอนุญาตให้นำหุ้นของ GL มาค้ำประกันเงินกู้กับบริษัทเอง แต่การที่ราคาหุ้นของบริษัทปรับตัวลดลงมากตั้งแต่ต้นสัปดาห์นั้น คงยังไม่จำเป็นต้องมีการตั้งสำรอง เนื่องจากมูลค่าสินทรัพย์และหลักทรัพย์ในการค้ำประกันทั้งหมดยังถือว่าเกินมูลค่าเงินกู้