นายชัยพัตน์ ไพฑูรย์ รองประธานกรรมการฝ่ายกลยุทธ์ บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (MINT) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินในปี 60 คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโต 15-20% ฟื้นตัวขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 6.59 พันล้านบาท ซึ่งลดลง 6% เมื่อเทียบกับปี 58 ปัจจัยที่ทำให้กำไรสุทธิเติบโตมาจาก 3 ธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจอาหาร และธุรกิจขายสินค้าไลฟ์สไตล์ ที่ฟื้นตัวขึ้นจากการปรับกลยุทธ์การดำเนินให้สอดคล้องกับการทำธุรกิจในแต่ละประเทศที่บริษัทเข้าไปลงทุน โดยปัจจุบันบริษัทมีการลงทุนในกว่า 30 ประเทศ
อีกทั้งในปี 60 บริษัทคาดว่าจะมีการลงทุนขนาดใหญ่ไม่มากเท่ากับปีก่อน ทำให้ภาระการใช้เงินลงทุนลดลง ซึ่งตามแผน 5 ปี (59-64) บริษัทวางงบลงทุนรวมไว้ที่ 4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นงบที่ไช้สำหรับการขยายและปรับปรุงในธุรกิจเดิม 2.7 หมื่นล้านบาท และอีก 1.3 หมื่นล้านบาท ใช้สำหรับการลงทุนในโอกาสใหม่ๆที่เข้ามา
ขณะที่รายได้ในปี 60 ตั้งเป้าเติบโต 10% จากปีก่อน 5.69 หมื่นล้านบาท และในปีนี้จะมีการเซ็นสัญญารับบริหารโรงแรมเพิ่มอีก 5 แห่ง จากที่เจรจาอยู่ทั้งหมด 23 แห่ง ทำให้ในสิ้นปี 60 บริษัทจะมีโรงแรมที่บริษัทบริหารให้เพิ่มเป็น 41 แห่ง จากสิ้นปีก่อนที่มี 36 แห่ง
นายชัยพัฒน์ ยังกล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินทั้งรายได้และกำไรในไตรมาส 1/60 คาดว่าจะเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 1.39 หมื่นล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3.57 พันล้านบาท เนื่องจากภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวขึ้นหลังจำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงเดือนแรกของปีเพิ่มขึ้น 6.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้ทำให้ธุรกิจโรงแรมมีรายได้เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันธุรกิจอาหารในช่วงเดือนแรกของปี ยอดขายของสาขาเดิมมีการเติบโตขึ้น 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปรับรูปแบบอาหารและขนมหวานในบางร้าน อย่างเช่น ร้านไอศกรีมสเวนเซ่นส์ และเบรดทอล์ก รวมไปถึงการปรับกลยุทธ์ธุรกิจอาหารในสิงคโปร์ให้เข้าถึงคนทุกระดับมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยหนุนที่ผลักดันการเติบโตของปลการดำเนินในไตรมาสแรกของปีนี้ คือ การขายโครงการบ้านพักตากอากาศ เดอะ เรลซิเดนเซส บาย อนันตรา ลายัน ภูเก็ต ได้อีก 2 ยูนิต จากที่เหลือขาย 9 ยูนิต จากทั่งหมด 15 ยูนิต และอยู่ระหว่างรอการตัดสินใซื่อของลูกค้าอีก 1 หลัง