หุ้น BDMS ราคาขยับขึ้น 1.97% มาอยู่ที่ 20.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท มูลค่าซื้อขาย 398.85 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.33 น. โดยเปิดตลาดที่ 20.40 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 20.70 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 20.40 บาท
บล.เออีซี ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) เป็นผู้ได้ประโยชน์ในระยะยาวจากการมีเครือข่ายโรงพยาบาลมากสุดในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก อีกทั้งราคาหุ้นยังมี Upside 8.4% จากพื้นฐานปี 60 (อิง DCF) ที่ 22 บาท และมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรช่วง H2/59 อีก 0.19 บาท (XD 13 มี.ค. และจ่ายเงินปันผล 26 เม.ย.)
จากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้ 1) ปี 60 บริษัทคาดรายได้ค่ารักษาโต 2-3 เท่าของ GDP Growth หรือราว 7-10%YoY ด้วยแรงหนุนจากการเติบโตของตลาดผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยตลาดผู้ป่วยต่างชาติมีแผนขยายฐานลูกค้าไปชาติอื่นๆ มากขึ้น อีกทั้งค่ารักษาเฉลี่ยคาดสูงขึ้นตามการเข้ารักษาโรคซับซ้อนรุนแรงที่เพิ่มขึ้น
และ 2) คงขยายธุรกิจ รพ. ต่อเนื่อง โดยปี 60 มีแผนเปิด รพ. กรุงเทพ สุราษฎร์ธานี (ทุติยภูมิ 150 เตียง), Chiva Transitional Care Hospital (ดูแลฟื้นฟูผู้ป่วย 52 เตียง) และเพิ่มเครื่องฉายแสงรุ่นใหม่ Varian Edge 4D ที่มีประสิทธิภาพรักษาเฉพาะจุด ส่วนปี 61 มีแผนเปิด รพ. กรุงเทพ เชียงราย (ตติยภูมิ 80 เตียง) และปี 62 มีแผนเปิด International Hospital (100 เตียง) เพื่อรองรับผู้ป่วยต่างชาติที่รักษาโรคมะเร็งจาก รพ. วัฒโนสถเดิมย้ายมาและมีแนวโน้มมารักษาเพิ่มขึ้น หลังมีการร่วมมือกับสถาบันการแพทย์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง MD Anderson
นอกจากนี้ BDMS ยังมีแผนขยายฐานผู้ป่วยต่างชาติด้วยการอัพเกรด รพ. ในเครือ 9 แห่ง ให้เป็น "ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์" เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วไทย ควบคู่ไปกับ การเตรียมเปิดศูนย์สุขภาพแบบครบวงจร BDMS Wellness Clinic หลังปรับปรุงพื้นที่โครงการปาร์คนายเลิศเสร็จสิ้น ซึ่งคาดจะทยอยเปิด OPD และ IPD ปลายปีนี้
แม้ปี 60 เราคาด BDMS จะมีกำไรปกติ 8,479 ล้านบาท โตเพียง 3.7%YoY และช่วง 3 ปีนี้ (ปี 60-62) คาดกำไรปกติจะโตเฉลี่ยแค่ปีละ 7.3% เนื่องจากคาดรายได้ค่ารักษาที่โต 6-7%YoY จากตลาดผู้ป่วยต่างชาติฟื้นตัวและจากตลาดผู้ป่วยไทยที่ยังสดใส จะถูกหักล้างบางส่วนด้วยค่าใช้จ่ายและดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจากดีลซื้อปาร์คนายเลิศเพื่อพัฒนาเป็น “BDMS Wellness Clinic" (คาด EBITDA ยังติดลบช่วง 3 ปีนี้) และจากค่าใช้จ่าย รพ. เปิดใหม่
แต่อย่างไรก็ดี ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อแผนขยายธุรกิจ รพ.เพื่อให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ในไทย และการขยายเครือข่ายเพื่อรองรับตลาดผู้ป่วยต่างชาติ เพราะจะช่วยเพิ่มโอกาสส่งต่อผู้ป่วยที่เป็นโรคร้ายแรงซึ่งมีมาร์จิ้นสูงมาใช้บริการของรพ. ในเครือที่เป็นระดับตติยภูมิ ช่วยผลักดันให้กำไรเติบโตได้ดีและต่อเนื่องในระยะยาว ทั้งนี้ ช่วงปี 63-65 เราคาด BDMS จะมีกำไรปกติโตดีขึ้นเฉลี่ยปีละ 10.9%