นางสาววันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เอสพีซีจี (SPCG) กล่าวว่า บริษัทฯคาดรายได้ปีนี้เติบโตขึ้นเป็น 6,300 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 5,544 ล้านบาท โดยจะเป็นไปตามธุรกิจโซลาร์รูฟที่มีการเติบโตมากขึ้น คาดจะมีรายได้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท และธุรกิจโซลาร์ฟาร์มที่น่าจะมีรายได้อยู่ที่ 4,300 ล้านบาท
แต่คาดว่าอัตรากำไรสุทธิปีนี้น่าจะปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนที่อยู่ในระดับ 41.74% แต่บริษัทจะรักษาระดับอัตรากำไรสุทธิไม่ให้ต่ำกว่า 40% โดยอัตรากำไรที่ลดลงเป็นผลมาจากปีนี้จะเน้นเพิ่มส่วนงานโซลาร์รูฟที่มีมาร์จิ้นน้อยกว่าโซลาร์ฟาร์ม โดยปัจจุบันโซลาร์รูฟมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 10-20% และโซลาร์ฟาร์มอยู่ที่ 57%
"ปีนี้เราคาดว่ารายได้จะเติบโตได้ 6,300 ล้านบาท จากการเน้นโซลาร์รูฟมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะมีรายได้อยู่ 2,000 ล้านบาท จากปีก่อนทำได้ 938 ล้านบาท แต่ก็จะมีผลต่ออัตรากำไรสุทธิในปีนี้ที่น่าจะลดลง จากมาร์จิ้นของโซลาร์รูฟน้อยกว่ามาร์จิ้นของโซลาร์ฟาร์ม อย่างไรก็ตามเราก็จะรักษาไม่ให้น้อยกว่า 40%"นางสาววันดี กล่าว
ประธานกรรมการ SPCG กล่าวว่า บริษัทยังขยายการลงทุนโครงการโซลาร์ฟาร์มไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งได้เริ่มพัฒนาโครงการในพื้นที่ใกล้กับอุทยานแห่งชาติภูเขาไฟไดเซน ขนาด 30 เมกะวัตต์ คาดจะสามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบ (COD) ให้กับหน่วยงานภาครัฐประเทศญี่ปุ่นได้ในปี 61 อีกทั้งยังมองหาโอกาสการลงทุนด้านพลังงานทดแทนในกลุ่มประเทศอาเซียนเพิ่มเติมอีก
นอกจากนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรในต่างประเทศ คาดว่าน่าจะเห็นความชัดเจนได้ในปีนี้ โดยบริษัทฯมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตไม่น้อยกว่า 500 เมกะวัตต์ ในปี 62 จากปัจจุบันมีการดำเนินการติดตั้งโซลาร์ฟาร์ม และจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เข้าสู่ระบบครบทั้ง 36 แห่ง มีกำลังการผลิตรวมกว่า 260 เมกะวัตต์