นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง (NCH) เปิดเผยว่า แนวโน้มยอดขายในช่วงไตรมาส 1/60 เริ่มเห็นการฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งมองว่าจะมาจากภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีผู้ประกอบการต่างๆทยอยเปิดโครงการใหม่กันมากขึ้นในช่วงต้นปี หลังจากที่ชะลอการเปิดโครงการใหม่ในช่วงปลายปีก่อน อีกทั้งในแง่ของผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเริ่มกลับมาเลือกซื้อที่อยู่อาศัยกันมากขึ้นในช่วงต้นปี จากที่ปลายปีก่อนได้ชะลอการซื้อไป ทำให้ภาพรวมในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง
อีกทั้งในงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 36 ระหว่างวันที่ 9-12 มีนาคมนี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ บริษัทได้นำโครงการไปร่วมออกบูธทั้งหมด 10 โครงการ จำนวน 40 ยูนิตที่บริษัทคัดเลือกไป โดยมีมูลค่ารวม 200 ล้านบาท จากที่บริษัทมีสต๊อกทั้งหมด 3.5 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทคาดหวังทำยอดขายได้จาการออกบูธในงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 36 จำนวน 200 ล้านบาท และบริษัทจะยังเดินหน้าสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากสิ้นสุดงานดังกล่าว เพราะปัจจุบันเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของการกลับมาซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้นแล้ว
นายสมนึก กล่าวว่า บริษัทจะพยายามทำยอดขายให้ได้มากที่สุดในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ หรือมากกว่า 50% ของเป้ายอดขายที่ตั้งไว้ 2.75 พันล้านบาท เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนที่มีโอกาสเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งปัจจุบันถือว่าเป็นช่วงจังหวะที่ดีที่บริษัทจะรุกการขายมากขึ้น โดยครึ่งปีแรกจะเปิดโครงการใหม่ 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1.85 พันล้านบาท คือ โครงการบ้านฟ้าปิยรมย์ ลำลูกกา และโครงการทาวน์เฮาส์และบ้านแฝดในโซนกรุงเทพฯตะวันตก ส่วนอีก 2 โครงการที่เหลือจะเปิดขายในครึ่งปีหลัง
ในด้านรายได้ปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 1.7 พันล้านบาท ปัจจุบันมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) แล้ว 349 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้ในช่วงครึ่งปีแรกทั้งหมด ส่วนแนวโน้มอัตราการปฏิเสธสินเชื่อในปีนี้คาดว่าจะเริ่มลดลงหลังจากที่บริษัทได้มีความร่วมมือกับลูกค้าและสถาบันการเงินต่างๆ เพื่อช่วยเหลือลูกค้าให้สามารถผ่านการอนุมัติสินเชื่อได้เพิ่มขึ้น รวมถึงการช่วยเหลือในด้านความพร้อมก่อนการอนุมัติสินเชื่อของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยที่ยื่นขอกู้ โดยบริษัทมองว่าสถาบันการเงินจะเริ่มผ่อนคลายความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อลงบ้างและเริ่มกลับมาปล่อยสินเชื่อมากขึ้นในปีนี้ ทำให้แนวโน้มอัตราการปฏิเสธสินเชื่อของบริษัทมีโอกาสลดลงจากปีก่อนที่ 20-40% ซึ่งขณะนี้อยู่ที่ 20%
ด้านภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในปี 60 มองว่ายังอยู่ในภาวะทรงตัว และยังสามารถพัฒนาสินค้าออกสู่ตลาด โดยในปีนี้มองว่าผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ สามารถขยายตัวได้ต่อเนื่องราว 3-4% และมองว่ายังเป็นโอกาสทางเลือกที่ดีของผู้ที่ต้องการซื้อบ้านจากอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับมีโครงการรถไฟฟ้า ที่เชื่อมเข้าสู่เมืองชั้นในที่เร่งดำเนินการเกิดการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯและปริมณฑลให้เติบโตควบคู่