นายประกอบเกียรติ นินนาท กรรมการผู้จัดการ บมจ.บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ (BAFS) เปิดเผยว่า ตั้งเป้าหมายรายได้ในช่วงปี 64-65 แตะ 5 พันล้านบาท จากปี 59 ที่มีรายได้อยู่ที่ 3.56 พันล้านบาท หลังจากการเริ่มเปิดให้บริการใน 2 โครงการที่บริษัทอยู่ระหว่างการลงทุน คือ โครงการท่อส่งน้ำมันใต้ดินในโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เฟส 2 และโครงการท่อส่งน้ำมันใต้ดินภาคเหนือ (พิจิตร-ลำปาง) ซึ่งตามกำหนดทั้ง 2 โครงการจะเปิดให้บริการในปี 62 ซึ่งจะทำให้สัดส่วนรายได้ของบริษัทเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย โดยรายได้จากธุรกิจให้บริการเติมน้ำมันในสนามบินจะลดลงมาอยู่ที่ 70% จากปัจจุบันอยู่ที่ 80% และสัดส่วนรายได้จากธุรกิจท่อส่งน้ำมันนอกสนามบิน ที่ดำเนินการโดยบริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (FPT) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย จะเพิ่มเป็น 30% จาก 20% ในปัจจุบัน
ส่วนในระยะยาวบริษัทมองว่าสัดส่วนรายได้ยังมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงได้อีก โดยสัดส่วนรายได้จากธุรกิจท่อส่งน้ำมันนอกสนามบิน จะเพิ่มเป็น 40% หากมีการลงทุนขยายท่อส่งน้ำมันใต้ดินไปยังประเทศเมียนมา ลาว และจีน ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาแนวทางในการลงทุน โดยเฉพาะในประเทศเมียนมาที่บริษัทเห็นถึงโอกาสในการขยายเข้าไป เพราะในอนาคตมองว่าจะมีแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มมากขึ้น และยังสามารถเชื่อมต่อไปยังประเทศจีน ซึ่งบริษัทจะศึกษาการลงทุนดังกล่าวอย่างจริงจังในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปี 61
แนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 60 ตั้งเป้าปริมาณการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานเติบโต 5% หรือเพิ่มเป็น 6 พันล้านลิตร ซึ่งเป็นปริมาณการเติมที่เป็นสถิติสูงสุดใหม่ จากปีก่อนที่มีปริมาณการเติมอยู่ที่ 5.65 พันล้านลิตร โดยปัจจัยที่ทำให้ปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานเติบโตมาจากการเปิดอาคารที่พักผู้โดยสาร 2 ของท่าอากาศยานดอนเมือง ทำให้มีจำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้น และการท่องเที่ยวไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าปีนี้จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 34 ล้านคน ทำให้มีจำนวนเที่ยวบินที่เข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น
รวมไปถึงการที่นักท่องเที่ยวหันมาท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศไทยที่นักท่องเที่ยวนิยมมากขึ้นหลังจากการท่องเที่ยวในยุโรปชะลอตัวลงจากมีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้น อีกทั้งการที่ระดับราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้สายการบินต่างๆมีการเพิ่มจำนวนเที่ยวบิน ทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นตาม โดยบริษัทคาดว่าระดับราคาน้ำมันในปี 60 จะอยู่ที่ 40-60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่บริษัทมองว่าหากสหรัฐฯและกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) แข่งขันการผลิตน้ำมันออกมาเพิ่มอีก ก็จะทำให้ระดับราคาน้ำมันอาจจะลดลงไปต่ำถึง 30 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 60 เติบโต 5% จากปีก่อน ซึ่งเป็นการเติบโตตามทิศทางเดียวกับการเติบโตของปริมาณการเติมน้ำมัน โดยบริษัทพยายามรักษาการเติบโตของปริมาณการเติมน้ำมันให้เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 5% ต่อปี ซึ่งปัจจุบันให้บริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานใน 5 สนามบิน ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง สนามบินสมุย สนามบินสุโขทัย และสนามบินตราด
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/60 คาดว่าจะใกล้เคียงกับไตรมาส 4/59 เพราะไตรมาส 4/59 ที่ผ่านมา มีผลกระทบจากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญทำให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/59 อ่อนตัวกว่าปกติเล็กน้อย ซึ่งโดยปกติแล้วไตรมาส 4 ของทุกปีจะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุด และไตรมาส 1 ของทุกปีจะมีการชะลอตัวลงของผลการดำเนินงานเล็กน้อย