นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 60 คาดว่ากำไรจะเติบโตทำสถิติสูงสุดอย่างต่อเนื่อง เพราะในปีนี้จะเป็นปีแรกที่จะรับรู้กำลังผลิตของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์รวม 278 เมกะวัตต์เต็มที่ตลอดทั้งปี อีกทั้งจะเริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่จังหวัดสงขลาและนครศรีธรรมราชกำลังการผลิต 126 เมกะวัตต์ (โครงการหาดกังหัน 1-3)
“แนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้ คาดว่าจะทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง เพราะถือเป็นปีแรกที่ EA เริ่มเปิดฉากรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม กำลังการผลิตโรงไฟฟ้าในมือเพิ่มขึ้นเป็น 404 เมกะวัตต์ จากปีที่ผ่านมา กุมกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม 278 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานลม 126 เมกะวัตต์ โดย EA พร้อมที่จะดำเนินโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องโดยใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ และประสบการณ์ที่เรามีเพื่อสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัทฯต่อไป" นายอมรกล่าว
ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 มี.ค.60 ที่ผ่านมา โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม หาดกังหัน 1 ขนาดกำลังการผลิต 36 เมกะวัตต์ ได้เริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว บุ๊ครายได้เข้ามาทันทีในไตรมาส 1/60 นี้
ส่วนอีก 2 โครงการที่เหลือกำลังการผลิตรวม 90 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างการทดสอบระบบ และจะทยอย COD เร็วๆ นี้ ผลักดันให้บริษัทฯมีกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม และวินด์ฟาร์ม เพิ่มเป็น 404 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในปีนี้ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง
ส่วนความคืบหน้าของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม โครงการหนุมาน ขนาด 260 เมกะวัตต์ ที่อำเภอบ้านชวน จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งบริษัทได้ทำสัญญาเช่าที่ดิน ส.ป.ก. เพื่อเตรียมพัฒนาโครงการ ขณะนี้อยู่ระหว่างรอ ส.ป.ก.ตรวจสอบและชี้แจงอย่างเป็นทางการ โดยที่ผ่านมา EA ก็ได้ให้ความร่วมมือกับทางหน่วยงานภาครัฐมาโดยตลอดทั้งการให้ข้อมูล ตรวจสอบเอกสาร และการตรวจสอบพื้นที่ เพื่อให้สอดคล้องวัตถุประสงค์ ที่ชาวบ้านจะได้ประโยชน์ เช่น การสร้างทางเข้า-ออก ให้กับชาวบ้าน คาดว่าในช่วงต้นเดือเม.ย.นี้น่าจะทราบผลดังกล่าวได้
หาก ส.ป.ก.ตรวจสอบเสร็จสิ้น และสามารถให้ดำเนินโครงการพลังงานลมได้ในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ มูลค่าโครงการรวมราว 20,000 ล้านบาท บริษัทก็จะดำเนินงานได้ตามแผนและกำหนดวันจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเชิงพาณิชย์ตามสัญญาซื้อขาย โดยโรงไฟฟ้าหนุมาน 1 ขนาด 45 เมกะวัตต์ คาดว่าจะ COD ได้เดือน เม.ย.61 , หนุมาน 5 ขนาด 48 เมกะวัตต์ คาด COD ได้ในเดือน พ.ค.61, หนุมาน 8 ขนาด 45 เมกะวัตต์ คาด COD ได้ในเดือน เม.ย.61 ,หนุมาน 9 ขนาด 42 เมกะวัตต์ คาด COD ได้เดือน พ.ค.61 และหนุมาน 10 ขนาด 80 เมกะวัตต์ คาด COD ได้เดือน มิ.ย.61
อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ต้องมีการเปลี่ยนที่ตั้งโครงการดังกล่าว เชื่อมั่นว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้า (PPA) เนื่องจากทางการไฟฟ้ามีเกณฑ์พิจารณาผ่อนปรนให้ได้ตามเหตุผลสมควร โดยที่ผ่านมาบริษัทฯก็มีการศึกษาความเป็นไปได้ในพื้นที่ตั้งในบริเวณใกล้เคียงอื่นๆบ้างแล้ว ขณะเดียวกันบริษัทยังไม่มีการทำสัญญาซื้อกังหันลม จึงไม่ส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่าย ซึ่งการลงทุนที่ผ่านมาใช้ไปทั้งสิ้น 40 ล้านบาท เป็นเพียงการซื้ออุปกรณ์ในการติดตั้งในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม 20 ล้านบาท และอีก 20 ล้านบาท เป็นค่าแรง ค่าใช้จ่ายที่ปรึกษา โดยบริษัทฯสามารถนำไปใช้ต่อยอดในโครงการอื่นๆได้อีก
นายอมร กล่าวต่อว่า การลงทุนในปีนี้ บริษัทฯมีแผนร่วมลงทุนสร้างโรงงานแบตเตอรี่ มูลค่า 2,000-3,000 ล้านบาท ,ลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม โครงการหนุมาน และการปรับปรุงเครื่องจักร ของธุรกิจไบโอดีเซล ในการเพิ่มโปรดักซ์ใหม่ เช่น Green biodiesel คาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่เกิน 5,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ การขยายธุรกิจไปยังอุปกรณ์จัดเก็บพลังงาน (Energy Storage) หรือแบตเตอรี่ บริษัทได้ทำการลงทุนในบริษัท AmitaTechnologies Inc ประเทศไต้หวัน ในสัดส่วน 35.20% เรียบร้อยแล้ว จากเทคโนโลยีอันทันสมัยของ Amita ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตได้สามารถนำไปใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรมทั้งโรงไฟฟ้า ยานพาหนะ โรงงาน อาคาร บ้านเรือน เป็นต้น ปัจจุบันอยู่ในขั้นการเตรียมการเพื่อพัฒนาธุรกิจและขยายการลงทุนเพื่อรุกคืบในธุรกิจนี้ร่วมกันทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ คาดว่าในช่วงกลางปีนี้จะสามารสรุปรายละเอียดของการลงทุนได้ทั้งหมด เช่น ขนาดของโครงการ ,พื้นที่การก่อสร้างโรงงานแบตเตอรี่ เป็นต้น
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติให้ออกหุ้นกู้ในวงเงินไม่เกิน 20,000 ล้านบาท เพื่อปรับโครงสร้างทางการเงินและรองรับการขยายธุรกิจตามแผนงานของบริษัทฯและบริษัทในเครือ