นายชัยสิทธิ์ วิริยะเมตตากุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.โรงพยาบาลวิภาวดี (VIBHA) เปิดเผยว่า แนวโน้มกำไรสุทธิของบริษัท ในงบเฉพาะกิจการในปีนี้คาดว่าเติบโต 20% จากปี 59 ที่มีกำไรสุทธิ 543.62 ล้านบาท ส่วนงบรวมบริษัทย่อย คาดว่าจะเติบโต 10-15% เมื่อย้อนไปเทียบกับปี 58 ที่มีกำไรสุทธิที่ 735.65 ล้านบาท
สาเหตุที่ไม่เทียบกำไรสุทธิในปี 59 เพราะปีก่อนมีภาระต้นทุนการเงินสูง เนื่องจากบริษัทมีการปรับโครงสร้างของโรงพยาบาลวิภาราม ซึ่งได้ขายหุ้นโรงพยาบาลที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 7 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลวิภารามระยอง โรงพยาบาลธัญญาเวช โรงพยาบาลวิภารามธนบุรี โรงพยาบาลปฐมเวช โรงพยาบาลวิภารามเทพารักษ์ โรงพยาบาลวีเอส เมดิคอล และโรงพยาบาลที่จะก่อสร้างในจังหวัดนครสวรรค์ ให้กับโรงพยาบาลสินแพทย์ มูลค่าที่ขายไป 1.1 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทจะมีการบันทึกกลับเข้ามาเป็นกำไรในปีนี้ราว 60 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการรอชำระเงินค่าหุ้น
ทั้งนี้ โดยปกติ ธุรกิจโรงพยาบาลจะมีกำไรเติบโตเฉลี่ยปีละ 10%
นายชัยสิทธิ์ กล่าวว่า การปรับโครงสร้างของโรงพยาบาลวิภารามในครั้งนี้ส่งผลให้บริษัทมีภาระต้นทุนต่างๆที่ลดลง โดยเฉพาะต้นทุนดอกเบี้ยจ่าย 60-70 ล้านบาท/ปี และส่งผลให้ผลการดำเนินงานของโรงพยาบาลวิภารามในปี 60 มีโอกาสพลิกกลับมามีกำไรได้ราว 300 ล้านบาท จากปีก่อนที่ขาดทุน 40 ล้านบาท อีกทั้งผลการดำเนินงานของโรงพยาบาลวิภารามอมตะที่มีแนวโน้มขาดทุนลดลง ช่วยส่งผลสนับสนุนผลการดำเนินงานของบริษัทให้กลับมาฟื้นตัวขึ้น
ขณะที่ค่ารักษาพยาบาลของทั้งเครือ VIBHA มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น จากการเน้นรักษาโรคร้ายแรงที่ต้องมีการรักษายากขึ้น รวมถึงจำนวนคนไข้ที่เข้ามาใช้บริการมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีจำนวนคนไข้เข้ามาใช้บริการ 526,000 คน ซึ่ง VIBHA ตั้งเป้ารายได้รวมโต 10% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 5.91 พันล้านบาท
"การปรับโครงสร้างของโรงพยาบาลวิภารามในครั้งนี้ที่เราต้องขายโรงพยาบาลที่กำลังก่อสร้างทั้ง 7 แห่งออกไปให้สินแพทย์ เพราะเราต้องการให้ภาระต้นทุนต่างๆ ลดลง ซึ่งที่ผ่านมาการลงทุนที่เราลงไปมันกดดันผลการดำเนินงานของเราอย่างมาก โดยเฉพาะผลการดำเนินงานโรงพยาบาลวิภารามที่ปีที่แล้วขาดทุนไป 40 ล้านบาท ซึ่งจริงๆ VIBHA จะต้องมีกำไรราว 300 ล้านบาท หากมีรีเทิร์นจากการลงทุนเข้ามา แต่เราก็มองว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าหากโรงพยาบาลที่เราขายไปทั้ง 7 แห่งมีผลการดำเนินงานที่ดี เราก็อาจจะซื้อหุ้นคืนมา ซึ่งตอนนี้การลงทุนใหม่ๆของเราก็จะเน้นไปที่โรงพยาบาลที่มีผลการดำเนินงานที่ดีเป็นหลัก"นายชัยสิทธิ์ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรชาวต่างชาติที่สนใจเข้ามาลงทุนในโรงพยาบาลวิภาราม-ชัยปราการ เพื่อเสริมศักยภาพของโรงพยาบาลดังกล่าวให้แข็งแรงและมีผลการดำเนินงานกลับมามีกำไร ซึ่งพันธมิตรต่างชาติจะมีแผนการพัฒนาศูนย์การแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ และจะขอเข้ามาถือหุ้นในโรงพยาบาลดังกล่าวในสัดส่วน 25% ซึ่งปัจจุบัน VIBHA ถือหุ้นในโรงพยาบาลวิภาราม-ชัยปราการ ทั้ง 100% ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนจะควบรวมกิจการกับโรงพยาบาลวิภารามในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งจะทำให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capital) เพิ่มเป็น 7-8 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 3 หมื่นล้านบาท โดยก่อนหน้านี้โรงพยาบาลวิภารามมีแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แต่ไม่สามารถเข้าจดทะเบียนได้จากติดปัญหาผลประโยชน์ซับซ้อน เพราะมีโรงพยาบาลหลายแห่งถือหุ้นในโรงพยาบาลวิภาราม ทำให้บริษัทต้องยกเลิกแผนดังกล่าวไป และมีแผนควบรวมกิจการกันในปี 2-3 ปีข้างหน้าแทน
สำหรับการลงทุนในปีนี้บริษัทจะมีการลงทุนก่อสร่างอาคารโรงพยาบาลวิภาวดี 5 ในพื้นที่ของโรงพยาบาลวิภาวดีในปัจจุบัน มูลค่าลงทุน 500 ล้านบาท โดยจะเน้นเป็นอาคารจอดรถและพื้นที่เช่าร้านค้าปลีกเป็นส่วนใหญ่ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้เข้ามาใช้บริการในโรงพยาบาล ซึ่งถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเข้ามาใช้บริการของคนไข้ อีกทั้งบริษัทยังมีการเจรจาเพื่อถือหุ้นในโรงพยาบาลที่มีผลประกอบการที่ดี คาดว่าอาจจะได้เห็นความชัดเจนการเข้าไปถือหุ้นโรงพยาบาลบางแห่งภายในปีนี้