นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กรุ๊ปลีส (GL) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเรียกหลักประกันเพิ่มจากผู้กู้ 2 กลุ่มในสิงคโปร์และไซปรัส หลังจากราคาหุ้น GL ที่ทางผู้กู้นำมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้ ปรับตัวลดลงอย่างมาก ขณะที่บริษัทมีความพร้อมทางการเงินและอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการซื้อหุ้นคืนด้วย
"บริษัทผมจะเจ๊งได้อย่างไร ผมดำเนินธุรกิจมา การปล่อยกู้ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เราต้องดูให้ดี และเราก็มั่นใจว่าทำได้ดีมาตลอด ขณะที่ปัจจุบันผมมีเงินสดอยู่ในบริษัทถึง 2.5 พันล้านบาท และยังมีเงินที่จะสามารถเรียกมาจาก J Trust ได้เพิ่มเติมอีก ซึ่งพื้นฐานเราถือว่ามีความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน"นายมิทซึจิ กล่าว
นายมิทซึจิ กล่าวในการแถลงข่าวในวันนี้หลังจากถูกตั้งข้อสงสัยในธุรกรมการปล่อยกู้ข้ามชาติ รวมถึงเกิดกระแสข่าวลือเกี่ยวกับการทำธุรกิจของกลุ่ม"โคโนชิตะ"ในประเทศญี่ปุ่น โดยยืนยันว่าการปล่อยเงินกู้ให้กับผู้กู้กลุ่มไซปรัสและผู้กู้กลุ่มสิงคโปร์ได้ดำเนินการอย่างถูกต้องและที่ผ่านมาบริษัทได้บันทึกเข้าไปอยู่ในงบบัญชีตลอด แต่ก่อนหน้านี้ได้นำเข้าไปรวมกันทั้งหมดเป็นดอกเบี้ยรับ แต่เพื่อให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น จากนั้นปลายปี 58 บริษัทได้แยกงบการเงินออกมา และยืนยันว่างบการเงินมีความถูกต้องแน่นอน
อย่างไรก็ตาม บริษัทจะพิจารณาเรียกหลักประกันเพิ่มเติมจากผู้กู้กลุ่มไซปรัสและผู้กู้กลุ่มสิงคโปร์ หลังจากที่ราคาหุ้น GL ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา เพื่อที่จะให้มูลค่าหลักประกันครอบคลุมเงินกู้ทั้งหมดที่ทางกลุ่มบริษัทปล่อยกู้ไป
อนึ่ง J Trust เป็นบริษัทแม่ในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนเงินทุนของ GL
นายมิทซึจิ กล่าวว่า ผู้กู้กลุ่มไซปรัสและผู้กู้กลุ่มสิงคโปร์ไม่ได้มีปัญหาการจ่ายดอกเบี้ยแต่อย่างใด แต่ด้วยประสิทธิภาพการดำเนินกิจการ และศักยภาพในการชำระหนี้ โดยระยะแรกเป็นการปล่อยกู้ในสัญญา 3 เดือนจากนั้น rollover ต่ออายุสัญญามาระยะหนึ่ง จนกระทั่งเกิดความไว้วางใจจากประสิทธิภาพในการชำระหนี้ จึงมีการขยายระยะเวลากู้เป็น 1 ปี และในที่สุดก็มีการขยายระยะเวลา 3 ปี
การปล่อยกู้ให้กับผู้กู้กลุ่มสิงคโปร์ในช่วงแรกมีอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 25% และค่อย ๆ ปรับลดลงมาตามลำดับ จนปัจจุบันลงมาอยู่ที่ 18.1% ขณะที่การปล่อยกู้ให้กับผู้กู้กลุ่มไซปรัส มีอัตราดอกเบี้ยที่ใกล้เคียงกันจาก 14.5% ในช่วงแรก และปัจจุบันก็อยู่ที่ 15%
ทั้งนี้ ช่วงเช้านี้ GL ชี้แจงการปล่อยเงินให้ผู้กู้กลุ่มไซปรัสและผู้กู้กลุ่มสิงคโปร์ว่าเป็นไปตามธุรกิจปกติของบริษัทย่อยที่มุ่งเน้นในธุรกิจเอสเอ็มอี และหวังเป็นพันธมิตรธุรกิจต่อไป ซึ่งกลุ่มบริษัทไม่ได้กำหนดนโยบายการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสำหรับกรณีดังกล่าว แต่จากนี้จะดูแลและตรวจสอบเงินกู้ยืมแต่ละรายอย่างใกล้ชิด และจะร่วมทำงานกับผู้สอบบัญชี เพื่อพิจารณาว่ามีความจำเป็นในการกำหนดการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญหรือไม่ และจะกำหนดการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่เหมาะสมสำหรับเงินกู้ยืมที่เกี่ยวข้องต่อไป
อนึ่ง ราคาหุ้น GL ร่วงติดฟลอร์ต่อเนื่อง 3 วันทำการ และมาทำระดับต่ำสุดในรอบกว่า 18 เดือนที่ระดับ 12.40 บาทเมื่อช่วงเช้า หลังมีข่าวการปล่อยเงินกู้ที่มีปัญหา แต่ราคาหุ้น GL พลิกกลับมาปรับขึ้นชนซิลลิ่งในภาคบ่าย โดยราคาหุ้นล่าสุดอยู่ที่ 23 บาท เพิ่มขึ้น 5.30 บาท หรือเพิ่มขึ้น 29.94%
นายมิทซึจิ กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการซื้อหุ้นคืน หลังจากที่ช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมาก ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีเงินสดในมือสูงถึง 2.5 พันล้านบาท โดยเตรียมจะเสนอที่ประชุมคณะกรรมกรบริหารในวันที่ 17 มี.ค. นี้ ก่อนที่จะมีการเสนอเข้าในที่ประชุมผู้ถือหุ้นอีกครั้ง "ราคาหุ้นที่ตกลงมาเยอะเราต้องขอโทษผู้ถือหุ้นด้วย แต่ผมอยากจะบอกว่าผมไม่อยากให้เป็นแบบนี้ เพราะผมเองที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดเพราะผมถือหุ้นใหญ่ แต่อย่างไรก็ตามเราจะไม่ไปโทษใคร เราจะตั้งใจทำงาน และทำให้ผลประกอบการดียิ่งขึ้นไปอีก"นายมิทซึจิ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนธุรกิจที่จะเดินหน้าเข้าซื้อกิจการเพิ่มหลังได้มีการเจรจาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับธุรกิจ 6-7 รายในกลุ่มของธุรกิจการเงินทั้งหมด แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยถึงรายละเอียดอื่น ๆ ได้