นายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ช ทวี (CHO) กล่าวว่า บริษัทได้รับคำสั่งซื้อเพื่อดำเนินการออกแบบและผลิตโครงรถบัส จากลูกค้ารายใหญ่ภายในประเทศ จำนวน 57 คัน มูลค่าประมาณ 114 ล้านบาท โดยกำหนดระยะเวลาส่งมอบส่งมอบรถและรับรู้รายได้ทั้งหมดภายปี 2560 ผลักดันให้มีปริมาณงานในมือ (Backlog) อยู่ประมาณ 686.01 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน บริษัทได้เข้าร่วมประมูลงานโครงการเช่าระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์พร้อมอุปกรณ์ (e-Ticket) ขององค์กรขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) มูลค่าโครงการประมาณ 1,700 ล้านบาท ซึ่งจะพิจารณาคัดเลือกคุณสมบัติเบื้องต้นวันที่ 27 มีนาคม 2560
ส่วนความคืบหน้าโครงการงานเปิดศูนย์ซ่อมบำรุงรถใหญ่แห่งแรกที่จังหวัดชลบุรี เพื่อให้บริการลูกค้า 24 ชั่วโมง ครบวงจรแบบ one-stop service คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการได้ภายในเร็ว ๆ นี้ และคาดว่าจะสามารถเริ่มรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/60 เป็นต้นไป ทำให้ทั้งปีนี้คาดว่าศูนย์ซ่อมบำรุงฯ ดังกล่าวจะสร้างรายได้ให้กับบริษัทราว 60 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทวางแผนเปิดศูนย์ซ่อมบำรุงรถใหญ่ 24 ชั่วโมงเพิ่มอีก 2 แห่งภายในปีนี้ และคาดว่าจะทยอยเปิดเพิ่มเป็น 8 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศภายในปี 2562 โดยวางงบลงทุนต่อแห่ง 70-75 ล้านบาท
นางสมนึก แสงอินทร์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ของ CHO กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2560 จะเติบโตได้ราว 10% จากระดับ 1,079 ล้านบาทในปีก่อน เป็นไปตามการเติบโตของธุรกิจหลัก โดยปัจจุบันมีงานในมืออยู่ที่ 686.01 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้ราว 90% ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปีถัดไป
"ปีนี้เราน่าจะมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น โดยตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตราว 10% ขณะที่กำไรสุทธิ ก็น่าจะอยู่ในทิศทางที่เป็นบวก จากปีก่อนมีผลขาดทุนอยู่ที่ 91.29 ล้านบาท ตามการเติบโตของธุรกิจ จากงานในมือที่มีอยู่ ที่ยังไม่ได้ส่งมอบทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงเรายังคงเดินหน้าหางานใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างผลการดำเนินงานให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อนักลงทุน"นางสมนึก กล่าว
นางสมนึก กล่าวว่า สำหรับการเข้าประมูลงานโครงการ e-Ticket ของขสมก.นั้น หากรู้ผลการคัดเลือกคุณสมบัติเบื้องต้นแล้ว คาดว่าจะสามารถยื่นเสนอราคาได้ในวันที่ 5 เม.ย. ซึ่งบริษัทคาดหวังมีโอกาสได้รับงานดังกล่าวสูง เนื่องจากบริษัทมีความเชี่ยวชาญและชำนาญในด้านนี้ จากที่ผ่านมาได้เข้าไปรับงานโครงการจ้างเหมาบริการรถขนส่งมวลชน ของมหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยบริษัทจัดทำตั้งแต่การประกอบรถ การใหบริการนักศึกษาและบุคลากรภายในมหาวิทยาลัย จนถึงงานซ่อมบำรุง
นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างเข้าไปรับงานในส่วนของโครงการขอนแก่นพัฒนาเมือง ของบริษัท ขอนแก่นพัฒนาเมือง จำกัด (KKTT) ซึ่งคาดว่าในช่วงไตรมาส 2/60 น่าจะรู้ถึงแผนการดำเนินงานได้ โดยบริษัทจะเข้าไปทำระบบรถไฟฟ้ารางเบา (TRAM) และการรับบริหารจัดการ รวมถึงก่อสร้าง พัฒนาพื้นที่รอบโดยรอบ ซึ่งโครงการดังกล่าวประกอบด้วยกันหลายเฟส โดยบริษัทจะเข้าไปทำในเฟสแรก โครงการรถไฟฟ้ารางเบาสายเหนือใต้ สำราญ-ท่าพระ ระยะทาง 26 กิโลเมตร มูลค่าโครงการเฟสแรก 15,000 ล้านบาท คาดหวังได้รับงานในส่วนนี้ราว 4,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามหากได้รับงานดังกล่าว คาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในปี 2561 และน่าจะใช้เวลาในการก่อสร้างราว 2-3 ปี โดยบริษัทจะสามารถทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป ขณะที่บริษัทยังมองโอกาสเข้าไปเสนอโมเดลการทำระบบรถไฟฟ้ารางเบาให้กับบริษัทพัฒนาเมืองอื่น ๆ ในอีก 7 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ,พิษณุโลก ,สระบุรี ,สมุทรสาคร ,ภูเก็ต ,ขอนแก่น เป็นต้น
พร้อมกันนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตร ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกัน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ในขณะนี้ โดยน่าจะเห็นความชัดเจนได้ในปีนี้จำนวน 2 ราย