นายอมร ดารารัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ (TNR) กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายการผลักดันรายได้รวมเติบโต 30% จากระดับ 1,200 ล้านบาทในปีก่อน ตามแผนการขยายตลาดถุงยางอนามัยและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องทั้งในไทยและต่างประเทศอย่างเต็มที่ โดยจะเร่งผลักดันรายได้เติบโตในทุก ๆ กลุ่มธุรกิจ ทั้งกลุ่มธุรกิจถุงยางอนามัยแบรนด์สินค้า Onetouch กลุ่มธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) และกลุ่มธุรกิจงานประมูล (Tender)
"ปีนี้จะเห็น TNR รุกหนักมากขึ้นเพื่อขยายตลาดทุกกลุ่มธุรกิจและผลักดันรายได้รวมเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยตลาดในประเทศไทยและทวีปเอเชียจะเน้นการเพิ่มยอดขายแบรนด์ Onetouch ซึ่งใช้สินค้ารุ่น 003 และรุ่น Happy เป็นเรือธง ส่วนตลาดต่างประเทศจะเน้นการเพิ่มยอดขายจากกลุ่มธุรกิจ OEM และกลุ่มธุรกิจการประมูล โดยในปีนี้เราคาดหวังจะเดินเครื่องจักรผลิตสินค้าอยู่ที่ 70% ของกำลังการผลิตรวม 1,959 ล้านชิ้นต่อปี"นายอมร กล่าว
นายอมร กล่าวว่า แผนการดำเนินงานในแต่ละกลุ่มธุรกิจ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจถุงยางอนามัยแบรนด์สินค้า Onetouch นั้น ตั้งเป้ายอดขายในไทยและต่างประเทศในปีนี้เพิ่มขึ้น 30% จากปีก่อนที่มียอดขายประมาณ 90 ล้านบาท โดยในไทยตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็น 25% โดยจะเน้นการเพิ่มยอดขายถุงยางอนามัย Onetouch รุ่น Happy และ รุ่น 003 ที่มีความบางเพียง 0.03-0.038 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นถุงยางอนามัยจากน้ำยางธรรมชาติรุ่นใหม่ที่มีความบางที่สุดเท่าที่บริษัทเคยผลิตได้
ส่วนในตลาดต่างประเทศจะมุ่งขยายตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV ได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม ขยายตลาดในทวีปเอเชีย รวมถึงเพิ่มยอดขายในประเทศลัตเวียและอียิปต์ โดยจะร่วมกับผู้แทนจำหน่ายในแต่ละประเทศในการผลักดันยอดขายเพิ่มขึ้น
ขณะที่กลุ่มธุรกิจรับจ้างผลิต บริษัทตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้น 25% จากปีก่อนที่มียอดขายกว่า 900 ล้านบาท โดยจะเน้นขยายตลาดในทวีปเอเชียซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตที่ดี เนื่องจากมีจำนวนประชากรรวมกันมากกว่า 4,200 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 60% ของประชากรทั่วโลก ซึ่งมีเป้าหมายต้องการมุ่งขยายตลาดในประเทศจีน ญี่ปุ่น และอินโดนีเซีย ส่วนในทวีปแอฟริกาถือเป็นตลาดที่ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ดังนั้น บริษัทจะร่วมมือกับผู้แทนจำหน่ายในการเพิ่มยอดขาย รวมถึงจะรุกหนักในการขยายตลาด OEM ในทวีปอเมริกา โดยจะเจรจาเพิ่มคู่ค้ารายใหม่ในการขยายตลาดร่วมกัน
ด้านธุรกิจรับจ้างประมูล คาดว่าจะมียอดขายเติบโตอย่างก้าวกระโดด 50% จากปีก่อนที่มียอดขายกว่า 170 ล้านบาท โดยบริษัทได้รับสัญญาว่าจ้างผลิตถุงยางอนามัยจากองค์กร NGO ของประเทศสหรัฐอเมริกาแล้วคิดเป็นมูลค่ากว่า 8 ล้านเหรียญสหรัฐคาดว่าจะเริ่มทยอยผลิตและส่งมอบสินค้าเพื่อรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 1 นี้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานในปี 60 และ TNR จะเข้าร่วมแข่งขันงานประมูลเพิ่มขึ้นเพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจ