นายชาญชัย พันธุ์โสภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป (PLAT) กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) เพื่อร่วมลงทุนในโครงการศูนย์การค้า ขนาดพื้นที่ 30,000-40,000 ตารางเมตร โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนของการร่วมลงทุนภายในปี 60 ขณะที่การลงทุนในต่างประเทศถือเป็นอีกหนึ่งโอกาสของบริษัทในการขยายการเติบโต รวมถึงเป็นการขยายฐานลูกค้าออกไปยังต่างประเทศ ทำให้บริษัทเป็นที่รู้จักมากขึ้น ซึ่งการร่วมมือกับพันธมิตรนั้น บริษัทจะเข้าไปช่วยลงทุนและช่วยบริหารโครงการให้ เพราะมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจศูนย์การค้ามา 11 ปี
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 60 คาดว่ากำไรสุทธิจะทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 704 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากการเติบโตของรายได้ที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ระดับ 2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 1.86 พันล้านบาท โดยศูนย์การค้าเดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ ยังคงมีอัตราการเช่าในระดับสูงที่ 98-99% อีกทั้งในปี 60 บริษัทยังจะปรับอัตราค่าเช่าพื้นที่ของลูกค้าที่ครบกำหนดสัญญาเช่าในศูนย์การค้าเดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ เพิ่มขึ้นอีก 3-5% จากสิ้นปีก่อนที่มีอัตราค่าเช่าระดับ 2,900 บาท/ตารางเมตร/เดือน
ขณะเดียวกันบริษัทยังสามารถรับรู้รายได้จากการให้บริการโครงการ Talad Neon - Down Town Night Market ได้เต็มปีในปีนี้เป็นปีแรก และได้เพิ่มจำนวนวันเปิดให้บริการเป็น 5 วัน (พุธ-อาทิตย์) จากเดิมที่เปิดให้บริการ 4 วัน (พฤหัสบดี-อาทิตย์) อีกทั้งการเพิ่มจำนวนห้องพักของโรงแรมโนโวเทล แพลทินัม อีก 5 ห้อง เป็น 288 ห้อง จากปัจจุบันอยู่ที่ 283 ห้อง ซึ่งจะช่วยให้โรงแรมโนโวเทล แพลทินัมมีรายได้จากการให้บริการห้องพักเพิ่มขึ้น และคาดว่าอัตราการเข้าพัก (OCC) ของโรงแรมโนโวเทล แพลทินัม จะสูงกว่าปีก่อนที่ 88% จากการเพิ่มจำนวนห้องพัก และการท่องเที่ยวไทยที่ยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง และบริษัทอาจจะพิจารณาปรับขึ้นอัตราค่าบริการห้องพักของโรงแรมโนโวเทล แพลทินัม อีกเล็กน้อย จากปัจจุบันที่ค่าห้องพักอยู่ที่ 3,100 บาท/ห้อง/คืน
ส่วนภาพรวมของผู้เข้ามาใช้บริการในศูนย์การค้าเดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.พ. 60) มีผู้เข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น 8-10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีผู้เข้ามาใช้บริการอยู่ที่ 60,000-80,000 คน/วัน ซึ่งมองว่ามาจากกำลังซื้อที่ค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้น หลังทิศทางของเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น จากการลงทุนโครงการของภาครัฐเป็นตัวขับเคลื่อนและการที่ภาครัฐพยายามกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ ซึ่งทำให้บริษัทมองว่าภาพรวมของธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกในปีนี้ยังมีทิศทางที่ดีขึ้นจากปีก่อน และยังคาดว่าในเดือนมี.ค.นี้ยังมีจำนวนผู้เข้ามาไช้บริการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
นายชาญชัย กล่าวว่า ปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ที่ 2.5-3 พันล้านบาท โดยส่วนใหญ่จะใช้ในการลงทุนก่อสร้างโครงการ เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก ศูนย์ค้าปลีกขนาดใหญ่ พื้นที่ 170,000 ตารางเมตร มูลค่าลงทุน 5.8 พันล้านบาท ซึ่งมีกำหนดเปิดให้บริการในช่วงไตรมาส 4/61 และเงินลงทุนอีกส่วนหนึ่งจะใช้ในการก่อสร้างโรงแรม Holiday Inn Express และ Holiday Inn Resort ในเกาะสมุย ซึ่งมีกำหนดเริ่มก่อสร้างภายในปลายปี 60 โดยแผนการใช้เงินลงทุนในช่วง 5 ปี (ปี 59-63) บริษัทตั้งไว้ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้สำหรับการก่อสร้างโครงการเดอะ มาร์เก็ต แบงคอก, อาคารสำนักงานและโรงแรมบนโครงการเดอะ มาร์เก็ต แบงคอก และโรงแรม 2 แห่งบนเกาะสมุย
นอกจากนี้บริษัทวางแผนที่จะให้ศูนย์การค้าเดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ ก้าวเข้าสู่ความเป็น The Best Wholesale Fashion HUB of ASEAN อย่างแท้จริง เนื่องจากปัจจุบันสถิติชาวต่างชาติที่นิยมมาใช้บริการศูนย์การค้าเดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ ยังคงเป็นชาวสิงคโปร์ และมาเลเซีย ซึ่งยังคงครองอันดับต้น ๆ ที่นิยมมาใช้บริการอยู่ และปัจจุบันกลุ่มชาวอินโดนีเซียก็เพิ่มขึ้นในอัตราที่ก้าวกระโดดขึ้นเป็น 4 เท่า เมื่อเทียบกับปี 58
ปัจจุบันยังมีชาวต่างชาติกลุ่มประเทศ CLMV ที่สนใจเข้ามาท่องเที่ยวและยังมาทำธุรกิจซื้อเสื้อผ้าแฟชั่นในรูปแบบค้าส่งเพื่อนำไปจำหน่ายต่อในประเทศของตนอีกด้วย เนื่องจากปัจจุบันกลุ่มประเทศเหล่านี้กำลังมีการเติบโตทางเศรษฐกิจมากขึ้น ประชากรมีความอยู่ดีกินดีมากขึ้น กลุ่มคนกำลังซื้อระดับกลางจนถึงสูง ให้ความสนใจในสินค้าที่มีคุณภาพ สินค้าที่มีความเป็นแฟชั่น โดยเฉพาะจุดเด่นของสินค้าแฟชั่นในเดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ มีความเป็นแฟชั่นที่ทันสมัยเปลี่ยนแบบใหม่ทุกสัปดาห์ และมีราคาที่ถูกมากหากเทียบกับคุณภาพและดีไซน์