โบรกเกอร์แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ทิปโก้แอสฟัลท์ (TASCO) มองแนวโน้มกำไรสุทธิในไตรมาส 1/60 เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/59 ตามความต้องการใช้ยางมะตอยที่ฟื้นตัวขึ้นในภูมิภาค โดยเฉพาะอินโดนีเซีย เวียดนาม และไทย ตอบรับการลงทุนภาครัฐเริ่มกลับมา ขณะที่ภาวะโอเวอร์ซัพพลายในภูมิภาคหายไป ผลักดันให้ราคายางมะตอยและมาร์จิ้นปรับตัวดีขึ้น หนุนให้กำไรปีนี้กลับมาเติบโต 23-25% จากที่หดตัวลงในปีที่ผ่านมา
ราคาหุ้น TASCO ปิดตลาดอยู่ที่ 28 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท (+0.90%) ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ลดลง 0.15%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) เอเชีย เวลท์ ซื้อ 33.00 เคจีไอ (ประเทศไทย) ซื้อ 32.50 เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ Trading Buy 30.00 ทิสโก้ ซื้อ 27.25
นักวิเคราะห์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้น TASCO ค่อยๆฟื้นตัวตามความต้องการใช้ยางมะตอยในต่างประเทศที่พลิกฟื้นขึ้นมา โดยประเมินผลประกอบการไตรมาส 1/60 จะมีกำไร 1,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 893 ล้านบาทในไตรมาส 4/59 จากการฟื้นตัวของอุปสงค์ในภูมิภาค โดยเฉพาะตลาดอินโดนีเซีย ซึ่งการลงทุนภาครัฐบาลเริ่มกลับเข้าสู่ระดับปกติ ขณะเดียวกันอุปทานส่วนเกินในตลาดเริ่มหายไปหลังจากโรงกลั่นในภูมิภาคหันไปผลิตน้ำมันใสมากขึ้น ทำให้มีผลผลิตยางมะตอยออกมาน้อยลง
นอกจากนี้ อุปสงค์ในประเทศที่แข็งแกร่ง จะช่วยหนุนให้ปริมาณยอดขายทรงตัวในระดับสูง คาดว่าทั้งปีนี้ TASCO จะมีกำไร 3.7 พันล้านบาท เติบโต 25% จากปีก่อน และมีปริมาณขายเพิ่มเป็น 2.3 ล้านตัน จาก 2 ล้านตันในปีก่อน และราคายางมะตอยปรับตัวสูงขึ้น หนุนให้ยอดขายปีนี้เติบโตได้ 31.7% มาที่ 3.17 หมื่นล้านบาท และมาร์จิ้นคาดโตมาที่ 17.8%
"ถ้า Top Line โต มาร์จิ้นโต กำไรเพิ่ม"นักวิเคราะห์ กล่าว
ด้าน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้มปี 60 ตลาดยางมะตอยในต่างประเทศจะฟื้นตัวดีขึ้น ซึ่ง TASCO มีคำสั่งซื้อจนล้นถึงเดือน พ.ค.60 ขณะที่ตลาดในประเทศคาดจะทรงตัวประมาณ 5.4 แสนตัน โดยสถานการณ์ตลาดยางมะตอยได้ฟื้นตัวดีขึ้นมากจากภาวะโอเวอร์ซัพพลายหายไป โรงกลั่นหลายแห่งลดกำลังการผลิตยางมะตอยลง ขณะที่ความต้องการตลาดต่างประเทศ ทั้งจีน เวียดนาม และ อินโดนีเซีย ที่เคยซบเซาก็ฟื้นตัวดีขึ้น ส่วนตลาดออสเตรเลียยังดีต่อเนื่อง
ราคายางมะตอยทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศได้ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยราคาตลาดในประเทศปรับเพิ่มขึ้นเป็น 400 เหรียญสหรัฐ/ตัน ปรับขึ้นจากประมาณ 280-290 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในไตรมาส 4/59 และตลาดต่างประเทศได้ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 305-310 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากราคาเฉลี่ย 240 เหรียญสหรัฐ/ตันในไตรมาส 4/59 ทำให้ปรับประมาณการกำไรปี 60 เพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 3.82 พันล้านบาท เติบโต 23% จากปีก่อน
ขณะที่บทวิเคราะห์ บล.เอเชีย เวลท์ ระบุว่า ได้ปรับเพิ่มปริมาณขายยางมะตอยในปีนี้เป็น 2.4 ล้านตัน จากเดิมที่ 2.3 ล้านตันตามที่ผู้บริหาร TASCO ตั้งเป้าหมายไว้ ทำให้กำไรสุทธิในปี 60 เพิ่มขึ้นอีก 4% เป็น 3.8 พันล้านบาท และด้วยแนวโน้มธุรกิจยางมะตอยที่ฟื้นตัวจากภาวะตกต่ำในไตรมาส 3/59 กลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง จึงได้ปรับเพิ่มเป้าหมายค่า PER จากเดิม 12.2 เท่า เป็น 13.5 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของกลุ่มอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างในระดับภูมิภาค ทำให้ปรับเพิ่มราคาเหมาะสมของ TASCO ในปี 60 ขึ้นเป็น 33 บาท
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสินค้าของ TASCO จัดอยู่ในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์อาจจะมีความผันผวนสูง ตามราคาขายยางมะตอยในตลาดภูมิภาค ดังนั้น ในช่วงที่ธุรกิจเป็นขาขึ้น ได้แนะนำเข้าลงทุนตามราคาเป้าหมายที่ให้ไว้ แต่หากพบว่าธุรกิจเปลี่ยนทิศทางเป็นขาลง อาจจะต้องมีการปรับคำแนะนำและราคาเป้าหมายใหม่