นายสัมพันธ์ วงษ์ปาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บมจ.ถิรไทย (TRT) คาดว่า รายได้ปี 2560 จะเติบโต 25-30% จากปี 2559 โดยเป็นกลุ่ม Transformer คิดเป็น 68% และเป็นกลุ่ม Non-Transformer คิดเป็น 32% ของรายได้รวม และมีประมาณกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 20-22%
ปัจจุบันทางกลุ่ม TRT มีมูลค่างานคงเหลือที่ยังไม่ได้ส่งมอบ (Backlog) ณ 31 ธ.ค.59 จำนวน 2,214 ล้านบาท แบ่งเป็นส่งมอบภายในปี 2560, 2561 และ 2562 จำนวน 1,464, 421, และ 329 ล้านบาท รวมถึงยังมีงานรอประมูลและอยู่ระหว่างการเสนอราคา จำนวนทั้งสิ้น 13,475 ล้านบาท โดยกลุ่ม TRT มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 20-25%
นายสัมพันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากนี้ไปจนถึงปี 62 บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะเพิ่มยอดขายของกลุ่ม ถิรไทย ให้ถึง 4,290 ล้านบาท โดยมีกลยุทธ์ในการขยายฐานตลาดส่งออกหม้อแปลงไฟฟ้า ซึ่งจะเน้นตลาดในกลุ่มประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงโดยเฉพาะ กลุ่มประเทศ AEC โดยเน้นลูกค้าที่ต้องการวิศวกรรมการออกแบบ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเพิ่มยอดส่งออกจาก 479 ล้านบาท ในปี 2559 เป็น 610 ล้านบาท ในปี 2560 หรือ เพิ่มขึ้นคิดเป็น 27% จากปี 2559 โดยมีอัตราเติบโตเฉลี่ยปีละ 10% ตั้งแต่ปี 2561 ถึง 2562
ทั้งด้านเพิ่มกำลังการผลิตของโรงงานผลิตหม้อแปลงไฟฟ้า เพื่อรองรับความต้องการหม้อแปลงไฟฟ้ากำลังของภาครัฐที่เพิ่มขึ้นจากแผน PDP 2015 ซึ่งประมาณการงบลงทุนในโครงการระบบเสาส่งไฟฟ้าแรงสูง ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย สำหรับปี 2559-2563 อยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละ 2,000 ล้านบาท ซึ่ง TRT มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 25-30%
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีกลยุทธ์การเพิ่มประสิทธิภาพของ กลุ่มงาน Steel Fabrication และงาน EPC ด้วยการเตรียมแผนเพื่อเข้ารับการรับรองมาตรฐานขั้นสูงต่างๆ (ตัวอย่างเช่น ASME ซึ่งคาดว่าจะได้รับการรับรองมาตรฐานในปี 2560) ทั้งด้านศักยภาพการผลิต และบุคลากร เพื่อเพิ่ม Value Added ซึ่งสามารถทำให้ยอดขายของงานกลุ่มงานนี้ สามารถเติบโตจาก จาก 161 ล้านบาทในปี 2559 เป็น 529 ล้านบาท ในปี 2560 โดยมีอัตราเติบโตเฉลี่ยปีละ 20% ต่อปี ตั้งแต่ปี 2561 – 2562
“เพื่อเสริมสร้างการเติบโตอย่างแข็งแรง และยั่งยืน กลุ่มบริษัท ถิรไทย ได้ปรับกลยุทธ์ในปีที่ผ่านมาโดยการเพิ่มธุรกิจใหม่ๆ ทำให้สัดส่วนโครงสร้างรายได้ ของธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า เปลี่ยนจาก 84% ในปี 56 เป็น 73% ในปี 59 และสัดส่วนของธุรกิจที่ไม่ใช่หม้อแปลงไฟฟ้า เพิ่มจาก 5% ในปี 56 เป็น 27% ในปี 59 โดยจะปรับสัดส่วนกลุ่มธุรกิจ ให้ยืดหยุ่น และเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจในอัตรากำไรที่ทำให้ กลุ่มบริษัท ถิรไทย เติบโตอย่างแข็งแรง" นายสัมพันธ์ กล่าว