นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี (AIT) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 60 แตะ 5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 4.42 พันล้านบาทในปีก่อน หลังจะทยอยรับรู้รายได้งานในมือ (Backlog) มูลค่า 3 พันล้านบาทในปีนี้ จาก Backlog ที่มีอยู่ทั้งหมด 3.4 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 61
ขณะเดียวกันบริษัทยังเดินหน้าเข้าประมูลงานเกี่ยวกับการติดตั้งและวางระบบทั้งงานของภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีงานที่อยู่ระหว่างรอผลการประมูลมูลค่า 166 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานภาครัฐมากกว่า 50% โดยคาดว่าจะทยอยทราบผลการประมูลภายใน 1-2 เดือนนี้ อีกทั้งในปี 60 บริษัทคาดว่าปริมาณงานของภาครัฐและเอกชนจะเริ่มทยอยออกมามากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะมีงานที่บริษัทสนใจเข้าร่วมประมูลอีกมูลค่า 2.24 หมื่นล้านบาท
ส่วนงานโครงการลงทุนเคเบิ้ลใยแก้วใต้น้ำจากเมียนมาไปถึงสิงคโปร์ มูลค่าลงทุน 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นโครงการที่บริษัทได้ร่วมทุนกับบมจ.ล็อกซเล่ย์ (LOXLEY) นั้นปัจจุบันโครงการดังกล่าวได้เริ่มลงทุนไปแล้ว และอยู่ระหว่างการปรับเปลี่ยนแผนเส้นทางการเดินสายเคเบิ้ลใต้น้ำ หลังจากรัฐบาลไทยไม่อนุญาตให้ติดตั้งเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งตามแผนเดิมโครงการดังกล่าวจะต้องลากผ่านประเทศไทยไปสิงคโปร์ โดยแผนการติดตั้งสายเคเบิ้ลใยแก้วใต้น้ำ ในตอนนี้จะเป็น 2 รูปแบบ คือ การติดตั้งสายเคเบิ้ลใยแก้วใต้น้ำจากเมียนมาไปประเทศสิงคโปร์โดยตรง หรือการติดตั้งโดยผ่านประเทสมาเลเซียไปสิงคโปร์ โดยคาดว่าโครงการดังกล่าวจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการในช่วงต้นปี 61
นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างรอความชัดเจนของการเซ็นสัญญาการขายอุปกรณ์ และการติดตั้งระบบ Data Center หรือ Cloud กับรัฐบาลกัมพูชา เพื่อการเก็บข้อมูลทะเบียนราษฏรของกัมพูชา ซึ่งเป็นโครงการที่บริษัทร่วมทุนกับพันธมิตรท้องถิ่นในสัดส่วน 49:51 โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนการเซ็นสัญญากับรัฐบาลกัมพูชาในอีก 1-2 เดือนนี้
อีกทั้งบริษัทยังมองโอกาสการเข้าไปประมูลงานติดตั้งระบบมิเตอร์อัจฉริยะในประเทศลาว ซึ่งเป็นโครงการที่บริษัทมีความสนใจและอยู่ระหว่างการศึกษา ซึ่งหากทางรัฐบาลลาวประกาศให้มีการประมูลบริษัทก็มีความสนใจที่จะเข้าร่วมประมูลในโครงการดังกล่าวด้วย