TVD คาดกำไรปีนี้ดีกว่า 14.36 ลบ.ปีก่อน หลังเพิ่มสินค้ามาร์จิ้นสูง, มั่นใจรายได้ตามเป้าหลังขยายช่องทางจำหน่าย

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 20, 2017 10:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทีวี ไดเร็ค (TVD) กล่าวว่า บริษัทฯคาดรายได้จะเติบโตปีนี้มาที่ 3,991 ล้านบาท จากปีก่อนทำได้ 3,435.28 ล้านบาท เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคจะเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติตั้งแต่ไตรมาส 2/60 เป็นต้นไป ประกอบกับบริษัทฯ มีช่องทางการจำหน่ายสินค้าที่มีความแข็งแกร่ง เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้โดยตรง

ขณะที่บริษัทฯคาดว่ากำไรสุทธิในปีนี้จะดีกว่าปีก่อน ที่ทำได้ 14.36 ล้านบาท และคาดว่าอัตรากำไรสุทธิปีนี้น่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 3% จากปีก่อนอยู่ที่ระดับ 0.42% เนื่องจากปีนี้บริษัทฯจะเพิ่มสินค้ากลุ่มอาหารเสริมและเครื่องสำอาง จากเดิมอีก 50% ซึ่งการตอบสนองของผู้บริโภคใน Category สินค้ากลุ่มนี้ยังมีกำลังซื้อสูง และยังได้มาร์จิ้นค่อนข้างดี

ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นเพิ่มความหลากหลายของสินค้าและเน้นการทำธุรกิจแบบ Multiscreen ด้วยการจัดจำหน่ายสินค้าหลักผ่าน 3 ช่องทางหลัก ประกอบด้วย Direct Shopping การขายสินค้าผ่านช่องทางทีวีดิจิทัล ทีวีดาวเทียม เคเบิลทีวี แคตตาล็อก และไดเร็กค์เมล์ เป็นต้น

นอกจากนี้วางงบลงทุนปีนี้ไว้ที่ 120 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับลงทุนรองรับการขยายธุรกิจในทุกช่องทาง ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัทฯ มาจากช่องทาง Direct Shopping ในสัดส่วน 70% ของยอดขาย โดยบริษัทจะใช้งบโฆษณาเพิ่มมากขึ้น ในทุกช่องทางการสื่อสารเพื่อเข้าถึงผู้บริโภค ขณะที่สัดส่วนยอดขายทางฝั่ง Online Shopping ปัจจุบันอยู่ในสัดส่วน 5% ซึ่งในปีนี้คาดว่าสัดส่วนยอดขายออนไลน์จะเติบโตขึ้นอีก 2% และภายใน 3 ปีข้างหน้าจะเติบโตขึ้นอีก 4% เป็นผลจากการที่บริษัทมีการพัฒนาโมบายแอพพลิเคชั่น และปรับปรุงเว็บไซต์ ช่องทางการขายผ่านโซเชียลมีเดียในทุกช่องทาง

สำหรับในส่วนของช่องทาง Retail Shopping ซึ่งเป็นช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าผ่านร้าน ทีวี ไดเร็ค โชว์เคส ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 25% โดยบริษัทฯได้มีการปรับ Look ร้านใหม่ และในปีนี้ มีแผนจะเปิดสาขาร้านทีวี ไดเร็ค โชว์เคส จำนวน 6 สาขา ซึ่งขณะนี้มีพื้นที่ที่เตรียมจะเปิดแล้ว 2 สาขาที่จังหวัดพิจิตร และพะเยา

ส่วนอีก 4 สาขาอยู่ในระหว่างการเลือกพื้นที่ โดยสาขาที่จะเปิดอยู่ในต่างจังหวัดทั้งหมด ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่ไตรมาส 3/60

"ปีนี้การเติบโตของ Digital TV เริ่มเข้าที่ทั้งคุณภาพและปริมาณผู้ชม บริษัทฯ จึงขยายงบโฆษณาเพิ่มมากขึ้นและมั่นใจว่าการโฆษณาจะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ,Online Shopping เป็นการพัฒนาโมบายแอปพลิเคชั่น ปรับปรุงเว็บไซต์ ช่องทางขายผ่านโซเชียลมีเดีย ที่ผ่านมาเน้นหนักเรื่อง Online Shopping ปีนี้จึงเริ่ม Online Marketing ซึ่งเป็นไปตามแผนสร้าง service model infrastructure ให้แก่องค์กรเพื่อรับงานจากภายนอกต่อไป ,Retail Shopping การจำหน่ายสินค้าผ่านร้านทีวี ไดเร็ค โชว์เคส นอกจากแผนการขยายสาขาเพิ่มเติม เพราะได้ Business Model ที่ทำกำไรได้แล้วบริษัทฯ จะเริ่ม Integrate ระบบ O2O (Online to Offline) พร้อมการปรับ Look ของร้านใหม่ ตอบสนองกลุ่มลูกค้าใหม่จาก Online กลายเป็นร้านค้าปลีก 4.0"นายทรงพล กล่าว

พร้อมกันนี้ บริษัทยังมีธุรกิจให้บริการธุรกิจไดเร็คมาร์เก็ตติ้งแบบครบวงจร เช่น การ ทำสื่อ ซื้อสื่อ วางสื่อ บริการคอลเซ็นเตอร์ คลังสินค้า การส่งของ ระบบชำระเงิน พร้อมระบบการวิเคราะห์ ซึ่งบริษัทฯ มีแผนที่จะเข้าซื้อกิจการคอลเซ็นเตอร์ โดยปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเจรจาราว 1-2 ราย คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเดือนเม.ย.นี้ ซึ่งบริษัทฯถือว่ามีแหล่งเงินลงทุนที่เพียงพอ โดยปัจจุบันมีกระแสเงินสดกว่า 400 ล้านบาท ขณะที่มีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 1.32 เท่า

“ความร่วมมือในปีนี้ระหว่าง ทีวี ไดเร็ค และบริษัท ไตร-สเตท อิงค์ ประเทศญี่ปุ่น (Tri-Stage) มีแผนที่จะสร้างรายได้จากการให้บริการธุรกิจไดเร็คมาร์เก็ตติ้งแบบครบวงจร เช่น ทำสื่อ ซื้อสื่อ วางสื่อ บริการคอลเซ็นเตอร์ คลังสินค้า การส่งของ ระบบการชำระเงิน พร้อมระบบการวิเคราะห์ เป็นต้น" นายทรงพล กล่าว

ส่วนบริษัท เจเอ็มแอล ไดเร็ค (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูก ที่ดำเนินธุรกิจค้าปลีกขายสินค้าผ่านจอวีดีโอในร้านค้าปลีก ในปีนี้ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น บริษัท ลาสไมล์ ไดเร็ค จำกัด ที่ดำเนินธุรกิจการจัดส่งสินค้าถึงบ้านเต็มรูปแบบ พร้อมให้บริการด้านโลจิสติคส์ การบริการขนส่งและกระจายสินค้าภายในประเทศแบบทั่วไป เพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทและรองรับออเดอร์การสั่งซื้อสินค้าของทั้งบริษัทในเครือ และจากธุรกิจ E-commerce ที่กำลังเติบโตอย่างรุนแรง การจัดส่งสินค้าถึงบ้านจึงมีความสำคัญมาก ซึ่งในปัจจุบันมีจำนวนออเดอร์มากกว่า 5 ล้านออเดอร์ต่อเดือน จึงยังมีช่องว่างและโอกาสในการเข้าสู่ธุรกิจ Fulfillment ได้อย่างถูกเวลา นับเป็นการดึงศักยภาพขององค์กรที่มีประสบการณ์ด้านการส่งสินค้าและเก็บเงินสดมากว่า 17 ปี เพื่อเพิ่มความสะดวกให้เจ้าของกิจการและผู้บริโภคมากยิ่งขึ้นอีกทั้งการจัดส่งสินค้าได้ภายในระยะเวลา 1-5 วันทั่วประเทศ

นอกจากนี้ยังสามารถจัดส่งสินค้าโดยการเก็บเงินสดและบัตรเครดิต สามารถจัดส่งสินค้าที่มีมูลค่าสูง สินค้าที่มีขนาดใหญ่ การดำเนินงานด้านเอกสารประกอบการส่ง ตลอดจนการประกอบสินค้าให้ความรู้ในการใช้สินค้าหรือ แนะนำการบริการหลังการขายในเบื้องต้น และบริการรับคืนสินค้า เป็นต้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ