นายอาณัติ ปิ่นรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บมจ.อารียา พรอพเพอร์ตี้ (A) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/60 คาดว่าจะลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 1.15 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 62.7 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมายังคงชะลอตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 4/59 และยังไม่มีปัจจัยใหม่ ๆ เข้ามากระตุ้นให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยฟื้นตัว รวมถึงภาวะเศรษฐกิจไทยยังไม่มีการฟื้นตัวอย่างชัดเจนในช่วงนี้
ปัจจัยดังกล่าวส่งผลกระทบไปถึงการระบายสต็อกของบริษัทที่ชะลอตัวตามไปด้วย โดยปัจจุบันบริษัทมีมูลค่าสต็อกเหลือขายรวมทั้งสิ้น 5 พันล้านบาท ซึ่งการที่ไม่สามารถระบายสต็อกออกไปได้ส่งผลกระทบต่อรายได้บางส่วน แต่ยังมั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เติบโต 35-38% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 4.72 พันล้านบาท โดยปัจุบันบริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ทั้งหมด
ส่วนอัตรากำไรสุทธิปีนี้จะสูงขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ระดับ 5.57% เพราะบริษัทเน้นการบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้คาดว่จะยังทรงตัว 35% จากปีก่อนที่ 34.17% ด้านการเปิดโครงการในปีนี้วางแผนเปิดโครงการใหม่จำนวน 11 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 7 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม 4 โครงการ ซึ่งในไตรมาส 1/60 ได้เปิดโครงการทาวน์โฮมและบ้านเดี่ยวไปแล้ว 2 โครงการ
สำหรับกลุ่มลูกค้าต่างประเทศในปีนี้บริษัทตั้งเป้ารับรู้รายได้จากการขายที่อยู่อาศัย ที่ระดับ 500 ล้านบาท โดยมียอดขายที่ได้จากการขายให้กับลูกค้าต่างประเทศทั้งหมด 700 ล้านบาท ซึ่งในปี 59 เป็นปีแรกที่บริษัทขยายฐานลูกค้าออกไปยังต่างประเทศเป็นครั้งแรก และสามารถทำยอดขายได้ 100 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขยอดขายที่บริษัทพอใจอย่างมาก ทั้งนี้ในปี 60 กลุ่มลูกค้าต่างประเทศจะยังเน้นในประเทศไต้หวัน มาเลเซีย สิงค์โปร์ ฮ่องกง และจีน ส่วนงบซื้อที่ดินในปีนี้บริษัทตั้งไว้ที่ 1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ใช้ไป 700 ล้านบาท
ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้มองว่าจะเติบโตได้เล็กน้อย โดยจะเป็นการเติบโตในบางทำเล โดยเฉพาะโครงการแนวราบที่ยังขยายตัวได้ ในขณะที่โครงการคอนโดมิเนียมยังคงชะลอตัวอยู่ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงตั้งแต่ถนนรัตนาธิเบศไปจนถึงบางใหญ่ ที่พบว่าผู้ประกอบการหลายรายจะขายของที่มีในมือออกมามากกว่าการรุกเปิดโครงการใหม่ ส่วนความเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินในปีนี้คาดว่าอัตราการปฎิเสธสินเชื่อจะลดลงเหลือ 25% จากปีก่อนที่ 30% หลังธนาคารมียอดสินเชื่อที่ลดลง ทำให้ปีนี้ธนาคารจะลดความเข้มงวดลงเพื่อให้ถึงเป้าหมายที่ธนาคารตั้งไว้