โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้นบมจ.แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป (LHBANK) หลังมีความคืบหน้าจากทางการไต้หวันอนุมัติให้ CTBC Bank Company Limited (CTBC) สามารถเข้าลงทุนใน LHBANK ได้แล้วในช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทำให้กระบวนการซื้อขายหุ้นสามารถเดินหน้าต่อไปได้ และคาดว่าจะเสร็จสิ้นในช่วงเดือนกันยายนนี้
หลังจากที่มีพันธมิตรไต้หวันเข้ามาจะช่วยจะทำให้ LHBANK มีความแข็งแกร่งทางด้านการเงินมากขึ้น และสามารถรองรับการขยายตัวของสินเชื่อในอนาคตได้ อีกทั้งยังสามารถขยายงานบริการทางการเงินต่าง ๆ ที่ LHBANK ต้องการ โดยเฉพาะการให้บริการ Trade Finance รวมไปถึงการพัฒนางานด้าน Digital Banking ที่มีคุณภาพมากขึ้น ซึ่งมองว่าผลการดำเนินงานของ LHBANK มีแนวโน้มเติบโตได้อย่างดีในอนาคต
ส่วนผลการดำเนินงานในปีนี้ยังมีแนวโน้มการเติบโต จากเป้าหมายของ LHBANK ที่ตั้งเป้าสินเชื่อเติบโต 6-10% โดยจะเน้นกลุ่มสินเชื่อรายใหญ่และรายย่อย ที่เริ่มเห็นแนวโน้มการฟื้นตัวขึ้น ขณะที่ระดับ NPL ยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งจะยังคุมให้อยู่ที่ไม่เกิน 1.8% จากปีก่อน 1.76%
ราคาหุ้น LHBANK พักเที่ยงอยู่ที่ 1.78 บาท เพิ่มขึ้น 0.01 บาท (+0.56%) ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้น 0.39%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) โกลเบล็ก ซื้อ 2.20 เอเซีย พลัส ซื้อ 2.20 แอพเพิล เวลธ์ ซื้อ 2.04 ฟิลลิป (ประเทศไทย) ทยอยซื้อ 1.97
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า หลังจากที่ทางการไต้หวันอนุมัติให้ CTBC สามารถเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับ LHBANK ได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการขออนุมัติกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และขอความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อผ่อนผันไม่ทำคำเสนอซื้อหุ้นLHBANK รวมถึงการประชุมผู้ถือหุ้นในเดือนเมษายนนี้ โดยคาดว่ากระบวนการเพิ่มทุนให้พันธมิตรไต้หวันจะเสร็จในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้
การที่ได้พันธมิตรอย่าง CTBC จะทำให้แนวโน้มผลการดำเนินงานของ LHBANK มีโอกาสเติบโตได้มากขึ้น จากการเข้ามาช่วยศักยภาพในงานด้าน Trade Finance และ Digital Banking ขณะเดียวกันยังมองกำไรของ LHBANK ในปี 60 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อน ซึ่งเป็นการเติบโตของกำไรจากการดำเนินงาน ไม่รวมผลจากการควบรวมกิจการกับ CTBC โดยกำไรที่เติบโตสูงขึ้นมาจากการรายได้ดอกเบี้ยและรายได้ค่าธรรมเนียมที่สูงจากธุรกิจจัดการลงทุน
ส่วนแนวโน้มสินเชื่อปีนี้คาดว่าจะเติบโตได้ 6-10% จากปีก่อนที่เติบโต 6.3% ตามกลยุทธ์ของ LHBANK ที่จะเน้นการเติบโตสินเชื่อรายใหญ่และรายย่อยอย่างมาก ซึ่งเป็นกลุ่มที่จะค่อย ๆ ทยอยฟื้นตัวขึ้น ด้านสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในปีนี้ยังคงอยู่ในระดับไม่เกิน 1.8% จากปีก่อนที่ 1.76% ลูกหนี้ของ LHBANK ส่วนใหญ่เป็นลูกหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำ เพราะส่วนใหญ่เป็นลูกหนี้ที่กู้ยืมสินเชื่อบ้าน
นักวิเคราะห์ บล.แอพเพิล เวลธ์ กล่าวว่า หลังกระบวนการทั้งหมดที่ CTBC เข้าลงทุนใน LHBANK เสร็จสิ้นภายในเดือนกันยายนนี้ จะทำให้ LHBANK มีเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนเข้ามาสนับสนุนศักภาพการปล่อยสินเชื่อ และได้ความร่วมมือกับพันธมิตรไต้หวันในการรุกเข้าไปงานด้าน Trade Finance ซึ่งจะส่งผลให้แนวโน้มของธุรกิจเติบโตได้ในอนาคต และมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ตลอดจนการให้บริการต่าง ๆ จะมีความหลากหลายเพิ่มมากขึ้น
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานของ LHBANK ในปีนี้คาดว่ากำไรจะเติบโต 13% จากปีก่อน จากสินเชื่อที่คาดว่าจะเติบโต 9% หลังหันไปเน้นกลุ่มสินเชื่อรายใหญ่และสินเชื่อรายย่อย ที่เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวขึ้น ส่วนระดับ NPL คาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำไม่เกิน 1.8% จากปีก่อนที่ 1.76%
นายอดิสรณ์ มุ่งพาลชล ผู้ช่วยอำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า การเข้าร่วมทุนของ CTBC ใน LHBANK มีความคืบหน้ามากขึ้นหลังทางการไต้หวันอนุมัติให้ดำเนินการได้ ทำให้มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่กระบวนการหลังจากนี้ ได้แก่ การขออนุมัติจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) การขอผ่อนผันการทำคำเสนอซื้อหุ้นจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) การประชุมผู้ถือหุ้น และกระบวนการจัดสรรและชำระหุ้นเพิ่มทุน จะแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายนนี้
หลังจากพันธมิตรไต้หวันเข้ามาจะช่วยต่อยอดการเติบโตของ LHBANK ได้อีกมากในอนาคต และจะมีเงินทุนที่แข็งแกร่งมากขึ้น เพื่อรองรับการขยายตัวของสินเชื่อในอนาคต อีกทั้งมีโอกาสขยายการให้บริการทางการเงินใหม่ ๆ เช่น Trade Finance ซึ่งทุกธนาคารต้องการรุกให้บริการดังกล่าวอย่างมาก
ด้านผลการดำเนินของ LHBANK ในปีนี้คาดว่ากำไรจะเติบโตราว 9.5% จากปีก่อน ซึ่งจะมาจากการขยยายตัวของสินเชื่อที่ตั้งเป้าเติบโต 6-10% โดยจะเน้นการปล่อยสินเชื่อรายใหญ่ที่เป็นสินเชื่อที่มีความเสี่ยงต่ำ และสินเชื่อรายย่อยที่ให้อัตราผลตอบแทนสินเชื่อที่สูง โดยเฉพาะสินเชื่อบ้านที่มีผลตอบแทนดอกเบี้ยที่ดี และมีความเสี่ยงต่ำ หลังจากเห็นแนวโน้มการฟื้นตัวของกลุ่มลูกค้าทั้ง 2 กลุ่มที่เริ่มฟื้นตัวขึ้น ส่วน NPL ของ LHBANK คาดว่าจะยังอยู่ในระดับต่ำที่ไม่เกิน 1.8% จากปีก่อนที่ 1.76%
อนึ่ง LHBANK ได้ประกาศการเข้าลงนามในบันทึกข้อตกลงเกี่ยวกับสัญญาจองซื้อหุ้น (MOU in relation to Share Subscription Agreement:SSA MOU) กับ CTBC ในการหาพันธมิตรร่วมทุนเพื่อขยายธุรกิจของธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH Bank) ตั้งแต่ปลายเดือนมี.ค.ปีที่แล้ว โดย CTBC จะเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนใน LHBANK ด้วยมูลค่าราว 1.66 หมื่นล้านบาท และจะทำให้เป็นผู้ถือหุ้นใน LHBANK ในสัดส่วน 35.6% แต่กระบวนการมีความล่าช้าทำให้ LHBANK ได้ขยายระยะเวลาร่วมทุนกับ CTBC ไปเป็น 30 กันยายน 2560 จากกำหนดเดิม 31 ธันวาคม 2559
ขณะที่ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา ทางการไต้หวัน (FSC) ได้อนุญาตให้ CTBC สามารถซื้อหุ้นเพื่อร่วม เป็นพันธมิตรกับ LHBANK ได้แล้ว ซึ่งกระบวนการต่อจากนี้บริษัทจะดำเนินการยื่นขออนุญาตต่อ ธปท. ก.ล.ต.และเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ซึ่งคาดว่าการดำเนินการจะแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2560