นายบุญชัย สุวรรณวุฒิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ผลธัญญะ (PHOL) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/60 ของบริษัทคาดว่าจะพลิกกลับมามีกำไรจากไตรมาส 4/59 ที่มีผลการดำเนินงานขาดทุนราว 48.5 ล้านบาท ซึ่งทำให้ผลการดำเนินงานทั้งปี 59 ขาดทุน 15.25 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทต้องตั้งสำรองค่าปรับการส่งมอบงานล่าช้าของงานก่อสร้างโครงการระบบประปาชุมชน จำนวน 56.51 ล้านบาท งานดังกล่าวมีกำหนดส่งมอบในไตรมาส 4/59
ทั้งนี้ ตั้งแต่เกิดปัญหาการส่งมอบงานที่ล่าช้า ทำให้บริษัทหันมามุ่งเน้นการปรับปรุงและติดตามการทำงานของผู้รับเหมามากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีก ดังนั้น ในไตรมาส 1/60 จึงโอกาสจะพลิกกลับมามีกำไรได้ เพราะแนวโน้มการตั้งสำรองการส่งมอบงานล่าช้าจะลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า ทำให้แรงกดดันต่อผลการดำเนินงานลดลง ขณะเดียวกันบริษัทมั่นใจว่างานดังกล่าวจะแล้วเสร็จและสามารถรับรู้รายได้เข้ามาในไตรมาส 1/60 ซึ่งมีมูลค่างานกว่า 100 ล้านบาท
นอกจากนั้น จากปัญหาดังกล่าวทำให้บริษัทต้องชะลอการรับงานที่เกี่ยวข้องกับระบบน้ำไปก่อน เพราะบริษัทต้องการแก้ปัญหาเก่าให้ลุล่วงไปก่อน จึงจะทำให้รายได้ของธุรกิจระบบน้ำของบริษัทในปีนี้ลดลงมาเป็น 300-350 ล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าอยู่ที่ 400-500 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีงานระบบน้ำที่ได้รับเพิ่มเติมมาในช่วงต้นปีมูลค่ากว่า 100 ล้านบาทที่รอรับรู้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ด้วย
นายบุญชัย กล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่ารายได้ในปี 60 จะยังเติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เติบโต 25% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 1.1 พันล้านบาท โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจากการเติบโตของธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าและบริการด้านความปลอดภัย ชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมการทำงาน (Safety) และธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการด้านการควบคุมสภาพแวดล้อม ที่มีการเติบโตเป็นอย่างดีตั้งแต่ในช่วงต้นปี หลังจากเศรษฐกิจไทยมีทิศทางที่ดีขึ้น ทำให้โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ เริ่มมีการลงทุนและสั่งซื้อสินค้าและบริการทั้งสองประเภทเข้ามาค่อนข้างมาก ซึ่งจะช่วยชดเชยรายได้จากธุรกิจระบบน้ำที่ปรับลดลง
“ตอนนี้การรับงานเกี่ยวกับระบบน้ำหรือการลงทุนอื่นๆของเราต้องชะลอไปก่อน เพราะเราต้องมาแก้ปัญหาการทำงานของผู้รับเหมาซึ่งเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับเราที่มีปัญหาส่งมอบงานล่าช้าให้จบลงไปก่อน ซึ่งเราก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องตั้งสำรองไปถึงไตรมาสไหน ก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้รับเหมาแต่ละรายจะมีศักยภาพในการจ่ายค่าปรับคืนเราได้ตอนไหน ซึ่งหากได้ค่าปรับจากผู้รับเหมามาแล้วก็จะบันทึกกลับมาเป็นกำไรของบริษัทรวมๆก็ราว 80 ล้านบาท จากผู้รับเหมาหลัก 5-6 ราย หลังจากนี้การเลือกผู้รับเหมาเราต้องเข้มงวดมากขึ้นมากกว่าเดิมเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาแบบนี้อีก และต้องมีการติดตามงานและดูแลการทำงานของผู้รับเหมาอย่างต่อเนื่อง โดยจะต้องมีหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกเข้ามาใช้ แต่แผนงานและเป้าหมายในภาพรวมของบริษัทยังคงไม่เปลี่ยนแปลงและยังเดินหน้าต่อไป"นายบุญชัย กล่าว