นายชเนศวร์ แสงอารยะกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไพลอน (PYLON) กล่าวว่า บริษัทคาดว่าผลประกอบการในปีนี้จะเติบโตจากปีก่อนที่มีรายได้ 1,077.46 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 172.22 ล้านบาท รวมถึงจะรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ 25% ใกล้เคียงกับปีก่อน
ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 500 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ทั้งหมดภายในปีนี้ ขณะที่มีโอกาสได้รับงานเพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง หลังจากภาครัฐเตรียมเปิดประมูลงานโครงการลงทุนขนาดใหญ่อีกหลายโครงการ ซึ่งน่าจะเห็นภาพชัดเจนได้ในช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไป โดยบริษัทเตรียมเข้าประมูลงานฐานรากในโครงการที่มีศักยภาพ ได้แก่ รถไฟฟ้าสายต่าง ๆ รถไฟทางคู่ และโครงการขยายสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 เป็นต้น
ขณะที่ภาคเอกชนก็น่าจะมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์
นายชเนศวร์ คาดว่าตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังนี้เป็นต้นไป บริษัทฯน่าจะได้อานิสงส์เชิงบวกจากโครงการก่อสร้างทั้งภาครัฐและเอกชนที่จะเริ่มทยอยเข้ามา และสนับสนุนรายได้ของบริษัทเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยสัดส่วนรายได้จากงานภาครัฐในปีนี้น่าจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 20% ที่เหลือเป็นงานภาคเอกชน 80%
ทั้งนี้ บริษัทมองว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมฐานรากยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆ รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จึงมีความมั่นใจว่าภาครัฐจะพยายามผลักดันโครงการต่างๆให้ เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมได้แน่นอน
"ตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 60 เป็นต้นไป บริษัทฯที่รับงานฐานรากอย่าง PYLON น่าจะได้อานิสงส์บวกจากโครงการการก่อสร้างของทั้งภาครัฐและเอกชนที่จะเข้ามาพร้อมกันจำนวนมาก ผู้ประกอบการอสังหาฯหลายรายวางแผนที่จะเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ๆ ในเชิงรุกมากขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3/60 เป็นต้นไป งานก่อสร้างน่าจะเริ่มได้ในครึ่งปีหลังนี้ รวมทั้งโครงการรถไฟฟ้า 3 สาย ได้แก่ สายสีส้ม เหลือง และชมพู ก็น่าจะเซ็นสัญญาในครึ่งแรกของปีนี้และเริ่มงานก่อสร้างครึ่งปีหลัง ปัจจุบันสายสีส้มได้มีการเซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว และมีแผนที่จะเริ่มลงเสาเข็มในเดือนมิ.ย.นี้"นายชเนศวร์ กล่าว
นายชเนศวร์ กล่าวอีกว่า บริษัทมีแผนจะเพิ่มสภาพคล่องของหุ้นให้มากขึ้น คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ หลังจากที่ผ่านมามีนักลงทุนแสดงความเห็นว่าสภาพคล่องของ PYLON อยู่ในระดับต่ำ โดยข้อมูล ณ วันที่ 20 มี.ค.59 สัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อยอยู่ที่ 38.55% และมีนักลงทุนที่เป็นกลุ่มบุคคลถือครองหุ้นเพื่อลงทุนในระยะยาวค่อนข้างมาก
ก่อนหน้านี้ บริษัทได้ขายหุ้นบิ๊กล็อต 8 ล้านหุ้นให้กับกลุ่มนักลงทุนสถาบันที่เป็นการถือครองระยะยาว ก็มองว่าเป็นเรื่องดีในการรักษาเสถียรภาพของหุ้น แต่ยังไม่ตอบโจทย์ด้านการเพิ่มสภาพคล่องเท่าที่ควร อย่างไรก็ตาม แนวทางการขายหุ้นบิ๊กล๊อตก็ยังคงเป็นอีกหนึ่งแนวทาง แต่ในขณะนี้กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ยังไม่มีนโยบายที่จะขายหุ้นในมือออกไป
นอกจากนี้ ในเดือน พ.ย. นี้ บริษัทมีแผนจะเดินทางออกไปนำเสนอข้อมูลให้กับนักลงทุนต่างชาติในประเทศสิงคโปร์ ร่วมกับธนาคารซิตี้แบงก์ หลังจากนักลงทุนสถาบันเริ่มมาถือหุ้น PYLON มากขึ้น เนื่องด้วยเป็นหุ้นที่เกี่ยวกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของไทย จึงได้รับความสนใจค่อนข้างมาก