นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST ประเมินทิศทางตลาดไทยวันนี้ (22 มี.ค.) ว่า ดัชนีมีแนวโน้มทรงตัว หรือลดลงจากวันก่อนเล็กน้อย หลังได้รับปัจจัยลบจากต่างประเทศ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบลดลงต่อเนื่อง โดยปัจจัยจากต่างประเทศหลังจากผ่านเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐไปแล้ว นักลงทุนประเมินว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่เร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย ค่าความน่าจะเป็นในการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ค. ยังทรงที่ระดับ 13% มาหลายวันติดต่อกัน และพุ่งเป็น 56% สำหรับการประชุมเดือน มิ.ย.
อย่างไรก็ตามในสภาวะดอกเบี้ยต่ำ ปริมาณเงินในระบบสูง มีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นในระบบ คือ นโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐ ในเรื่องที่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ยังไม่เป็นรูปธรรม การเลือกตั้งในยุโรป และการที่สหราชอาณาจักรจะแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) ส่งผลให้นักลงทุนหันเข้าหาสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ อาทิ พันธบัตรรัฐบาล และค่าเงินสกุลที่ปลอดภัย เช่น เงินเยน แน่นอนว่า มีผลลบมาถึงตลาดหุ้น
"เรามองช่วงเวลานี้ เป็นช่วงเวลาของการรอคอย ให้มีการปลดล็อคตัวแปรสำคัญเหล่านี้ การเดินหน้าของตลาดหุ้นจึงเป็นไปได้ยาก"
นายมงคล กล่าวอีกว่า ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลงต่อเนื่อง จากความกังวลเรื่องการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการขยายกำลังการผลิตของผู้ผลิตน้ำมันอื่นๆด้วย สวนทางกับการลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์จะถูกกดดันจากราคาน้ำมัน ภาวะ supply ของสินค้าแต่ละตัว และการคาดการณ์เงินเฟ้อ
ด้านปัจจัยในประเทศ ค่าเงินบาทที่ยังแข็งค่า น่าจะเป็นผลจากการที่มีเงินไหลเข้าในประเทศ เป็นบวกต่อตลาดหุ้น และวันนี้ตลาดน่าจะให้ความสนใจกับการรายงานตัวเลขส่งออกของไทย ผลสำรวจโดย Bloomberg คาดส่งออกเดือน ก.พ. ลดลง 4.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เทียบกับที่เพิ่มขึ้น 8.8% ในเดือน ม.ค.
"ปัจจัยต่างประเทศน่าจะเป็นตัวชี้นำตลาดหุ้นในวันนี้ การสูงขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมี ที่มีผลต่อตลาดค่อนข้างมากวานนี้ (มีผลต่อ SET Index ประมาณ 3 จุด) จะมีบทบาทน้อยลงตามราคาน้ำมันดิบ ซึ่งจะส่งผลให้ดัชนีฯในวันนี้ มีแนวโน้มที่จะทรงๆตัว หรือลดลงจากวันก่อนเล็กน้อย ในภาพรวม เรายังแนะนำให้เป็น “ถือ" เนื่องจากมองทิศทางตลาดว่าจะเป็น sideway up คือค่อยๆ ขึ้น หุ้นขนาดใหญ่หรือหุ้นที่อิงทิศทางตลาด ที่คาดจะถูกซื้อจาก Fund Flow ที่ไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้น จะเป็นตัวพยุงตลาดไว้ โดยวันนี้ ตลาดอาจหันมาเล่นหุ้นที่เป็น Domestic Play มากขึ้น หรือหุ้นที่ได้ประโชน์จากการที่ราคน้ำมันดิบอยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้ หุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิเช่น SCB , ADVANC , AAV , ATP30 , SAMART , LOXLEY , HTECH"นายมงคล กล่าว