บมจ.มัดแมน (MM) กำหนดช่วงราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 210.98 ล้านหุ้นที่หุ้นละ 5.00-5.50 บาท และคาดว่าจะสามารถสรุปราคาขายสุดท้ายในวันที่ 31 มี.ค.นี้ โดยจะเปิดให้นักลงทุนทั่วไปจองซื้อในช่วงวันที่ 3-5 เม.ย. คาดว่าจะนำหุ้นเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้ในวันที่ 11 เม.ย.
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น IPO ของมัดแมน กล่าวว่า หลังจากบริษัทนำเสนอข้อมูลต่อนักลงทุนสถาบันเมื่อวันที่ 15-17 มี.ค.ที่ผ่านมา พบว่านักลงทุนสถาบันมีความมั่นใจในพื้นฐานธุรกิจและศักยภาพการเติบโตของมัดแมน ซึ่งราคาเสนอขายสุดท้ายจะกำหนดโดยพิจารณาจากราคาและจำนวนหุ้นที่นักลงทุนสถาบันเสนอความต้องการซื้อเข้ามา (Book Building)
สำหรับการเสนอขายหุ้น IPO แบ่งเป็น 2 ส่วน โดยในส่วนแรกจะเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นของ บมจ.ทรัพย์ศรีไทย (SST) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ MM ตามสัดส่วนการถือหุ้นใน SST (Pre-emptive Right) ไม่เกิน 41,437,135 หุ้น หรือคิดเป็นไม่เกิน 20% ของจำนวนหุ้นIPO ระหว่างวันที่ 29-31 มี.ค. ซึ่งจะต้องซื้อหุ้นที่ราคาจองซื้อเบื้องต้นหุ้นละ 5.50 บาท และหากราคาเสนอขายสุดท้ายที่จะเสนอขายในครั้งนี้ต่ำกว่าราคาจองซื้อเบื้องต้น ดังกล่าวผู้จัดการการจัดจำหน่ายจะคืนเงินค่าจองซื้อหุ้นส่วนต่างให้ในภายหลัง
ส่วนที่สองจะเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไปและนักลงทุนสถาบันไม่เกิน 169,543,615 หุ้น หรือไม่เกิน 80% ของจำนวนหุ้น IPO และหุ้นที่เหลือจากการจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นของ SST
ทั้งนี้ MM ดำเนินธุรกิจในลักษณะโฮลดิ้ง คอมปานี ที่เข้าถือหุ้น 100% ในบริษัทย่อย ในกลุ่มธุรกิจ 2 ประเภท คือ 1.ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม ทั้งที่ดำเนินกิจการภายใต้สัญญามาสเตอร์แฟรนไชส์กับต่างประเทศ ได้แก่ ดังกิ้น โดนัท ,โอ บอง แปง และบาสกิ้น ร็อบบิ้นส์ และที่ดำเนินกิจการภายใต้แบรนด์ของตนเอง ได้แก่ เกรฮาวด์ คาเฟ่ และครัวเอ็ม 2.ธุรกิจไลฟ์สไตล์ ภายใต้แบรนด์‘เกรฮาวด์ ได้แก่ เสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องประดับรวมถึงร่วมมือกับแบรนด์อื่น ๆ สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ภายใต้คอนเซ็ปต์ที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์เกรฮาวด์
“ถึงแม้ว่ามัดแมน มีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิในปี 59 แต่เป็นการขาดทุนที่เกิดจากการตัดค่าจำหน่ายสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตนที่ได้มาจากการเข้าซื้อกิจการและการด้อยค่าของสินทรัพย์ ซึ่งเป็นการขาดทุนทางบัญชีเท่านั้น ดังนั้น จึงมั่นใจว่าด้วยพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งและมีแบรนด์สินค้าเป็นที่รู้จักรวมถึง ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค จะทำให้มัดแมน มีศักยภาพการเติบโตที่ดี" นายมนตรี กล่าว
ด้านนายนาดิม ซาเวียร์ ซาลฮานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ MM กล่าวว่า ณ วันที่ 31 ธ.ค. 59 ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มและธุรกิจไลฟ์สไตล์ของบริษัท มีสาขารวม 456 สาขา แบ่งเป็นธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม ที่ดำเนินกิจการภายใต้สัญญามาสเตอร์แฟรนไชส์ 3 แบรนด์ ได้แก่ 1.ดังกิ้น โดนัท จำนวน 307 สาขา เพื่อผลิตและจำหน่ายโดนัทและเครื่องดื่ม รวมถึงมีบริการจัดเลี้ยง 2.โอ บอง แปง จำนวน 72 สาขา เพื่อจำหน่าย เบเกอรี่ แซนด์วิช สลัด ซุป ที่เป็นเมนูเพื่อสุขภาพ กาแฟระดับพรีเมียมและเครื่องดื่มอื่น ๆ และ 3.บาสกิ้นร็อบบิ้นส์ มีจำนวน 34 สาขา ที่จำหน่ายไอศกรีมนำเข้าระดับพรีเมียมที่คนไทยเข้าถึงได้
ส่วนธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มที่ดำเนินงานภายใต้แบรนด์ของตนเอง ได้แก่ 1.เกรฮาวด์ คาเฟ่ (Greyhound Cafe) ซึ่งเป็นร้านอาหารประเภท Full Service Restaurant ในสไตล์แฟชั่นคาฟ่ มีทั้งหมด 28 สาขา แบ่งเป็นสาขาในไทยที่บริษัทลงทุนเอง ประกอบด้วย ‘ร้านเกรฮาวด์ คาเฟ่’ และ ‘ร้านอนาเธอร์ฮาวด์’ (Another-hound) รวม 14 สาขา และการขายแฟรนไชส์ ‘ร้านเกรฮาวด์ คาเฟ่’ ในต่างประเทศ ได้แก่ จีน ฮ่องกง มาเลเซีย และสิงคโปร์ รวม 14 สาขา
2.ครัวเอ็ม ซึ่งเป็นธุรกิจรับบริหารศูนย์อาหารในโรงพยาบาล (Cafeteria) และบริการอาหารสำหรับผู้ป่วยใน (IPD Food Services) จำนวน 1 สาขา โดยเริ่มต้นดำเนินธุรกิจดังกล่าวที่โรงพยาบาลรามคำแหงและมีแผนขยายธุรกิจไปยังสถานที่อื่น ๆ นอกจากโรงพยาบาล เช่น โรงเรียนเอกชน โรงเรียนนานาชาติ เป็นต้น ขณะที่ธุรกิจไลฟ์สไตล์ เน้นจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ เช่น เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ ฯลฯ มีช่องทางจำหน่าย 4 ส่วน คือ การกระจายสินค้าผ่านห้างสรรพสินค้าหรือโมเดิร์นเทรด การจัดจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ช่องทาง Factory Outlet และการส่งออกต่างประเทศ โดยมีร้านของตนเองในห้างสรรพสินค้าชั้นนำในกรุงเทพฯ และปริมณฑลรวม 14 สาขา
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MM กล่าวว่า บริษัทมีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นบริษัทชั้นนำในธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำในธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มอย่างยั่งยืน โดยจะมุ่งเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดและผลักดันการเติบโตในอัตราที่สูงกว่าตลาดรวม ดังนั้น จึงมีแผนขยายธุรกิจที่ดำเนินการภายใต้แบรนด์ของตนเองและภายใต้สิทธิมาสเตอร์แฟรนไชส์จากต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บริษัทจะขยายการลงทุนในธุรกิจร้านอาหารเกรฮาวด์ คาเฟ่ โดยวางแผนขยายสาขาในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอีก 6-9 สาขา รวมเป็น 19-22 สาขาภายในปี 63 คาดว่าใช้เงินลงทุนสาขาละ 15-20 ล้านบาท ส่วนการขยายสาขาผ่านสัญญาแฟรนไชส์ในต่างประเทศ ได้แก่ จีน ฮ่องกง มาเลเซีย และสิงคโปร์ ในสัญญาได้ระบุให้ผู้ได้รับสิทธิจะต้องเปิดร้านเกรฮาวด์ คาเฟ่ ให้ได้ 5 สาขาตลอดอายุสัญญาแฟรนไชส์ 5 ปี ขณะเดียวกัน บริษัทได้ตั้งเป้าขยายการให้สิทธิแฟรนไชส์ในประเทศใหม่เพิ่มขึ้นทุกปี ๆ ละ 1-2 ประเทศ
นอกจากนี้ จะลงทุนขยายธุรกิจร้านเกรฮาวด์ คาเฟ่ ในภูมิภาคอื่น ๆ โดยเฉพาะยุโรป โดยจดทะเบียนจัดตั้ง GHC Cafe (UK) Co.,Ltd ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เกรฮาวด์ คาเฟ่ จำกัด เพื่อพัฒนาธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มในอังกฤษ โดยจะลงทุนร้านเกรฮาวด์ คาเฟ่แห่งแรกที่อังกฤษเพื่อเป็น Flagship Store ภายใต้คอนเซ็ป ‘Basic with a Creative Twist’ ในการขยายสาขาผ่านการให้สิทธิแฟรนไชส์ในยุโรปต่อไป
ส่วนธุรกิจที่ดำเนินงานภายใต้สัญญามาสเตอร์แฟรนไชส์ ได้แก่ ดังกิ้น โดนัท โอ บอง แปง และบาสกิ้น รอบบิ้นส์ บริษัทยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง