นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก (GBS) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ได้รับปัจจัยบวกจากนักลงทุนต่างชาติพลิกกลับเป็นผู้ซื้อสุทธิ (Net Buy) สอดคล้องกับทิศทางเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งทำให้กระแส Fund Flow มีโอกาสไหลเข้าต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากการทำ Window Dressing ไตรมาส 1/60 ในช่วงปลายเดือนมี.ค. ดังนั้น ประเมินว่า SET จะปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,575-1,585 จุด
โดยแนะนำเก็งกำไรหุ้นกลุ่มธนาคารซึ่งได้ประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น แนะนำ SCB KTB และ KBANK
ด้านนางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ ของ GBS กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากรัฐบาลเดินหน้าออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ล่าสุดคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษสระแก้ว วงเงิน 1,600 ล้านบาท และโครงการสินเชื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอี วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท ดอกเบี้ย 3% ช่วง 3 ปีแรก รวมถึงค่าเงินบาทแข็งค่าที่สุดในรอบ 5 เดือนหนุน Fund Flow ไหลเข้า และการทำ Window Dressing ปิดงวดไตรมาสที่ 1 ช่วงปลายเดือนมี.ค.
ขณะที่ยังมีปัจจัยกดดันจากการรื้อร่างเอกสารเชิญชวนประมูล (TOR) และราคากลางรถไฟทางคู่ใหม่ซึ่งคาดจะได้ข้อสรุปในอีก 2 สัปดาห์ และคาดว่าจะได้ผู้รับเหมาราวเดือนก.ย.-ต.ค.ซึ่งล่าช้าไปจากแผนเดิม และการที่ราคาน้ำมันปรับลงหลังจากปริมาณกำลังผลิตน้ำมันในสหรัฐที่เพิ่มขึ้นส่งผลลบเชิงจิตวิทยาต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ วันที่ 23 มี.ค. นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ซึ่งเป็นที่จับตาในการหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป วันที่ 24 มี.ค. สหภาพยุโรป (อียู) เปิดเผยตัวเลข GDP ไตรมาส 4/59 และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นเดือนมี.ค. และในวันที่ 29 มี.ค. กำหนดประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (กนง.)
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ นักวิเคราะห์การลงทุน ของ GBS เปิดเผยว่า แม้พรรครีพับลิกันกำลังกุมเสียงข้างมากทั้งสภาบนและสภาล่างในสหรัฐ แต่ตลาดมองว่า แนวนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ อาจต้องเสียเวลานานกว่าจะผ่านความเห็นชอบ ส่วนแบงก์ชาติสหรัฐ ไม่น่าจะขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องทันทีในการประชุมเดือนพ.ค. เพราะเงินเฟ้อไม่ได้ขึ้นเร็วกว่าที่คาด ทำให้ดอลลาร์สหรัฐฯมีแนวโน้มจะถูกขายทำกำไรต่อไป เพื่อโยกเม็ดเงินมาเก็งกำไรในสินทรัพย์อื่น ๆ โดยเฉพาะตลาดเกิดใหม่ที่ระดับราคาปรับตัวลงในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ การเลือกตั้งฝั่งยุโรปดูไม่น่าเป็นห่วง เพราะคะแนนนิยมของนางมารีน เลอ แปง ไม่ได้สูงขึ้น จึงมีความเป็นไปได้มากที่ฝรั่งเศสจะใช้เงินสกุลยูโรต่อไป ขณะที่อังกฤษเตรียมประกาศเริ่มกระบวนการออกจากอียู ซึ่งตลาดประเมินผลกระทบว่าอาจน้อยกว่าที่เคยกังวลกัน แต่ยังต้องติดตามการผลักดันให้ทำประชามติรอบใหม่เพื่อแยกตัวจากสหราชอาณาจักรของสก๊อตแลนด์
นอกจากนี้ การอ่อนลงของเงินดอลลาร์ การเมืองในยุโรปที่ผ่อนคลายลง ความเสี่ยงจาก Trumponomics ที่ยังคงอยู่ และเฟด จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้เงินทุนโลกกลับมาเลือกลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ อีกครั้ง ราคาทองคำจึงได้รับผลบวกในขณะที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กไม่ทำ historical high ต่อ แต่แรงซื้อ buy on dip กำลังแผ่วลงจากการขายทำกำไร ทำให้ระยะสั้นอาจอ่อนตัวลง แต่แนวรีบาวด์ยังคงมุ่งขึ้นสู่กรอบหลักบริเวณจุดสูงสุดของรอบที่ 1,263 ดอลลาร์ จึงแนะนำให้ทยอยปิดทำกำไรเมื่อราคาปรับขึ้น แล้วรอจังหวะซื้ออีกครั้งเมื่ออ่อนตัว โดยมีระดับ 1,200 ดอลลาร์เป็นแนวจิตวิทยาที่ราคาจะดิ่งแรง หากหลุดลงไป