อย่างไรก็ตาม แม้จะปรับลดประมาณการกำไรของงวดปี 59/60 (เม.ย.59-มี.ค.60) หลังกำไรในงวดไตรมาส 3 (ต.ค.-ธ.ค.59) ออกมาแย่กว่าคาด แต่กำไรทั้งปียังคงเติบโตได้เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ตามการฟื้นตัวของธุรกิจในช่วงไตรมาส 4 และทิศทางธุรกิจที่ยังคงสดใส สนับสนุนด้วยนวัตกรรมผ่านการวิจัยและพัฒนาของตัวเองที่สามารถสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ของ EPG เหนือคู่แข่ง
อีกทั้งราคาหุ้นที่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าราคาเป้าหมายทำให้ยังน่าสนใจในการลงทุน
ราคาหุ้น EPG พักเที่ยงอยู่ที่ 13.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท (+1.52%) ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยลดลง 0.17%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) เอเชีย เวลท์ ซื้อ 16.00 ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 16.00 เออีซี ซื้อ 15.30 ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ซื้อ 16.50 โนมูระ พัฒนสิน ซื้อ 18.30
นักวิเคราะห์ บล.เอเชีย เวลท์ กล่าวว่า แนวโน้มการเติบโตของกำไรปกติของ EPG ทั้งปี 59/60 จะอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 21% จากปีก่อนหน้า และคาดว่าจะยังเติบโตต่อเนื่องในงวดปี 60/61 ที่ระดับ 20%
ขณะที่ราคาหุ้นในปัจจุบันยังคงน่าสนใจ โดยซื้อขายที่ PER ของปีนี้และปีหน้าที่ราว 23.4 เท่า และ 19.6 เท่าตามลำดับ ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PER ย้อนหลังในอดีตในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาที่ 28 เท่า ซึ่งมองการซื้อขายในระดับ PER สูงนั้นเหมาะสม เรื่องจากอัตราผลตอบแทนจากส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) และการเติบโตของกำไรสุทธิที่โดดเด่นภายใต้ความเสี่ยงต่ำจากการมีสิทธิบัตรในมือ
แนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจของ EPG ยังคงสดใส ได้รับแรงสนับสนุนจากนวัตกรรมผ่านการวิจัยและพัฒนาของบริษัทเองที่สามารถสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ได้เหนือคู่แข่ง และปกป้องด้วยสิทธิบัตรในมือ ซึ่งช่วยให้ EPG สามารถทำการตลาดเชิงรุกได้เป็นอย่างดี ผนวกกับสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งด้วยอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนต่ำเพียง 0.2 เท่า จะช่วยสนับสนุนการเติบโต
นอกจากนี้นโยบายภาษีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ คาดว่าจะเป็นผลบวกต่อธุรกิจฉนวนยางของ EPG ในสหรัฐฯ จึงนับว่าเป็น Upside ต่อประมาณการ
ทั้งนี้ EPG ยังคงเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์การเติบโตทางธุรกิจในธุรกิจหลักทั้ง 3 กลุ่ม คือ ธุรกิจฉนวนยาง ซึ่ง EPG มีการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และทำตลาดสินค้าใหม่ ๆ ควบคู่ไปกับการปรับปรุงและขยายการผลิตเพื่อรองรับกลยุทธ์การขยายตลาด ธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ ได้มีการปรับโครงสร้าง TJM Producr PTY Ltd. (TJM) ตั้งเป้าจะพลิกกลับมามีกำไรภายในปี 63 โดยยังคงมีมุมมองบวกในระยะยาวต่อแบรนด์ของ TJM และช่องทางการจัดจำหน่ายที่จะช่วยเพิ่มยอดขายสินค้าของ EPG ได้ทั่วโลก
ส่วนธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก มีการเดินเครื่องโรงงาน ของ บริษัท อีสเทิร์น โพลีแพค จำกัด (EPP) เฟสที่ 2 เข้ามาช่วยสนับสนุนการทำกลยุทธ์การตลาดเชิงรุก เพื่อเพิ่มยอดขายและขยายตลาดทั้งในประเทศและในระดับภูมิภาค ขณะที่ยังคงความสามารถในการทำกำไรในระดับสูง
นักวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า จุดแข็งของ EPG ยังคงเป็นการกระจายฐานการผลิตทั่วโลกในอุตสาหกรรมที่ตลาดมีความต้องการตลอดเวลา เช่น การก่อสร้าง ยานยนต์ และสินค้าอุปโภคบริโภค และสามารถปรับเปลี่ยนสินค้าผ่านนวัตกรรม มีการใช้สินทรัพย์และเงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมี ROA ในระดับ 12-13% และ ROCE 13-14% เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 2 ปีก่อนที่ยังเป็นเลขหลักเดียว ขณะที่ Net D/E ต่ำกว่า 0.5 เท่า นับตั้งแต่เข้าตลาดฯ
อย่างไรก็ตาม ได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิงวดปี 59/60 ลง 7% เหลือเติบโตราว 8.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 16.8% เพื่อสะท้อนผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 3 ของงวดปี 59/60 ขณะที่มองแนวโน้มไตรมาส 4 งวดปี 59/60 (ม.ค.-มี.ค.60) จะฟื้นตัวในทุกธุรกิจ หลังจากบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยในประเทศดีขึ้น และไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษของบริษัทร่วม อย่างไรก็ตาม ยังคงประมาณการงวดปี 60/61 (เม.ย.60 – มี.ค.61) ที่ 1.89 พันล้านบาท เติบโต 23.4%
ส่วนนักวิเคราะห์ บล.เออีซี กล่าวว่า แนวโน้มกำไรปกติของ EPG ในไตรมาส 4 ของงวดปี 59/60 จะกลับมาเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อน หลังจากที่กำไรในงวดไตรมาส 3/60 ออกมาแย่กว่าคาด ทำให้ปรับประมาณการกำไรปกติของ EPG ในปี 59/60 และปี 60/61 ลงเฉลี่ยปีละ 12.1% ทำให้ในปี 59/60 ภายใต้ประมาณการใหม่ EPG จะมีกำไรปกติ 1.5 พันล้านบาท เติบโตราว 15.6% จากปีก่อน และในปี 60/61 จะเติบโตราว 21.6% เมื่อเทียบกับปีนี้ จากการฟื้นตัวของทั้ง 3 ธุรกิจหลัก โดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์ ที่คาดได้อานิสงส์จากการขยายตลาดทั้งในไทยและยุโรป ซึ่งยอดขายอะไหล่ยานยนต์ผ่านสาขา TJM มีทิศทางเป็นบวกมากขึ้น
กลุ่มฉนวนยางคาดได้อานิสงส์จากทิศทางฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ และการก่อสร้างสาธารณูปโภคที่จะเพิ่มขึ้นตามนโยบายการคลังที่เข้มข้นของนายทรัมป์ ส่วนธุรกิจบรรจุภัณฑ์คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวขึ้นจากที่ชะลอตัวมา 3 ไตรมาสต่อเนื่อง หลังโรงงาน EPP เฟส 2 แก้ปัญหากำลังไฟฟ้าไม่เพียงพอสำหรับการผลิตในระดับที่เต็มประสิทธิภาพได้ หนุนให้มีศักยภาพขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าที่ต้องการสินค้าคุณภาพต่ำลง จากปัจจุบันที่ผลิตแต่สินค้าคุณภาพสูงเท่านั้น
"เรายังคงชอบศักยภาพเติบโตในระยะยาวของ EPG จากทิศทางการเติบโตที่สดใสในทุกกลุ่มธุรกิจที่จะมีพัฒนาการดีขึ้นเรื่อยๆ ด้วยจุดเด่นด้านนวัตกรรมที่แข็งแกร่งช่วยสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง"นักวิเคราะห์ กล่าว