นายชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซัสโก้ (SUSCO) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 60 ตั้งเป้าปริมาณขายน้ำมันเติบโต 8-10% หรือมากกว่า 1,200 ล้านลิตร หลังมีแผนขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่เพิ่มมากขึ้น พร้อมกับการขยายจำนวนสมาชิกบัตร"ซัสโก้ สมาร์ท เมมเบอร์" (SUSCO Smart Member) เพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านรายในปีแรกจากที่ได้เปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการในช่วงเดือน ก.พ.60 ที่ผ่านมาถือว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า โดยปัจจุบันมีผู้สมัครใช้บริการแล้วกว่า 1 แสนราย
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มปริมาณขายน้ำมันในช่วงไตรมาส 1/60 คาดว่าจะเติบโตไม่เกิน 4% ซึ่งชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับการเติบโตในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการเติบโตมมาจากราคาน้ำมันดิบยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 49 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศยังอยู่ในระดับต่ำ แต่ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนมีผู้ใช้รถยนต์ที่เปลี่ยนจากการใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) มาใช้น้ำมันเบนซินไปมากแล้ว
ขณะเดียวกัน ในปีนี้บริษัทวางแผนขยายสถานีบริการน้ำมันเพิ่มเป็น 250 แห่ง จากสิ้นปีก่อนอยู่ที่ 230 แห่ง พร้อมกับตั้งเป้าหมายระยะยาวในปี 62 จะมีจำนวนสถานีบริการน้ำมันเพิ่มเป็นมากกว่า 300 แห่ง หรือเฉลี่ยเปิดปีละ 20-30 แห่ง โดยจะเน้นการตั้งสถานีบริการน้ำมันในแหล่งท่องเที่ยว และชุมชนในต่างจังหวัดเป็นหลัก พร้อมกับการผลักดันธุรกิจค้าปลีก ซึ่งบริษัทตั้งเป้าเพิ่มรายได้ในส่วนธุรกิจค้าปลีกเป็น 2 เท่า จากปีก่อนที่มีรายได้จากธุรกิจค้าปลีกอยู่ที่ 60-70 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้บริษัทตั้งเป้าเพิ่มรายได้ดังกล่าวเป็น 90 ล้านบาท
บริษัทตั้งงบลงทุนรวมในปีนี้ราว 300 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นงบลงทุนสำหรับการขยายสถานีบริการน้ำมัน 200 ล้านบาท การขยายพื้นที่รองรับการให้บริการร้านอาหาร, ร้านสะดวกซื้อ และร้านกาแฟ ภายในสถานีบริการน้ำมัน จำนวน 20 แห่ง จำนวน 20-30 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะนำมาใช้ปรับปรุงสถานีบริการน้ำมันให้มีความทันสมัยมากขึ้น
นายชัยฤทธิ์ มองว่า ภาพรวมธุรกิจค้าปลีกน้ำมันในปี 60 เชื่อว่าการแข่งขันจะกลับมาดุเดือดอีกครั้ง หลังจากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับเพิ่มมาเล็กน้อยที่เฉลี่ย 50-55 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่งผลให้ผู้ค้ารายเล็ก-รายใหญ่ ต่างเตรียมแคมเปญดึงดูดลูกค้า รวมถึงเพิ่มธุรกิจเสริมในสถานีบริการน้ำมัน เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลาย ทำให้การแข่งขันในธุรกิจค้าปลีกน้ำมันในตลาดมีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งบริษัทเองก็มีแผนรองรับไว้อย่างดี ทำให้มั่นใจว่าจะมีรายได้เติบได้ตามเป้าหมายที่วางไว้กว่า 2 หมื่นล้านบาท
ด้านอัตรากำไรสุทธิในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.5-1.6% จากปีก่อนที่ 1.47% เนื่องจากการขยายสถานีบริการน้ำมันมากขึ้น และการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economy of Scale) นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าในประเทศเวียดนามเพื่อส่งน้ำมันไปขายเป็นครั้งแรก คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้
ปัจจุบันบริษัทส่งออกน้ำมันไปยังประเทศกัมพูชา ลาว และเมียนมา โดยมีสัดส่วนรายได้จากการส่งออกน้ำมันอยู่ที่ 30%