ผถห.ใหญ่ IFEC ร้อง ก.ล.ต.เช็คบิล"หมอวิชัย"ระบุทุจริต-ให้ข้อมูลเท็จ,ขายดาราเทวี-จำนำหุ้น ICAP โดยไม่มีอำนาจ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 23, 2017 15:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายทวิช เตชะนาวากุล ผู้ถือหุ้นใหญ่, กรรมการ และเจ้าหนี้ตั๋วแลกเงินมูลค่า 100 ล้านบาทของ บมจ.อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น (IFEC) ส่งหนังสือร้องเรียนถึงนายรพี สุจริตกุล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)เกี่ยวกับการกระทำความผิดของ นายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ ประธานกรรมการ และนายศุภนันท์ ฤทธิไพโรจน์ กรรมการ IFEC เพื่อขอให้ ก.ล.ต.ดำเนินการตรวจสอบ หาหลักฐานเพิ่มเติม และดำเนินการทางกฎหมายต่อไปเกี่ยวกับการกระทำต่างๆ ของบุคคลทั้งสอง

ทั้งนี้ หนังสือดังกล่าวระบุว่า นายวิชัย และนายศุภนันท์ กระทำการเข้าข่ายฝ่าฝืนและเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 , พ.ร.บ.บริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 และกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทำให้ขาดความน่าไว้วางใจในฐานะกรรมการบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

โดยเฉพาะนายวิชัย เข้าข่ายเป็นการกระทำโดยทุจริต โดยยึดถือประโยชน์และประสงค์ส่วนตัวเป็นที่ตั้ง และไม่คำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของบริษัท อันทำให้เกิดความเสียหายแก่บริษัท ผู้ถือหุ้นของบริษัท เจ้าหนี้ของบริษัท และผู้มีส่วนได้เสียกลุ่มอื่นๆของบริษัท รวมถึงยังกระทบต่อประโยชน์สาธารณะและความน่าเชื่อถือของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อนักลงทุนทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ

ประเด็นที่ร้องเรียน 5 เรื่อง ประกอบด้วย 1.การจงใจขัดขวางทำให้บริษัทและผู้ถือหุ้นเลือกตั้งกรรมการตามกฎหมายและดำเนินธุรกิจต่อไปได้โดยช้าที่สุด 2.นายวิชัยและนายศุภนันท์กระทำการในนามบริษัทโดยไม่มีอำนาจตามกฎหมาย เช่น การนำหุ้นของ บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ แคป แมนเนจเม้นท์ จำกัด (ICAP) ไปจำนำกับ บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ หลังจากผิดนัดชำระหนี้ตั๋วแลกเงิน 100 ล้านบาทเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.59

3.การบอกกล่าวข้อความอันเป็นเท็จหรืออาจก่อให้เกิดความสำคัญผิดเกี่ยวกับฐานะทางการเงินของบริษัทที่น่าจะทำให้กระทบต่อราคาหลักทรัพย์ เช่น การให้ข้อมูลผ่านสื่อสาธารณะว่าได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินของบริษัทด้วยการปรับโครงสร้างหนี้ที่จะถึงกำหนดชำระในเดือน ก.พ.ไปแล้วกว่า 1,000 ล้านบาท ทั้งที่เจ้าหนี้ต่างปฏิเสธว่าไม่ได้รับการติดต่อหรือเจรจาใดๆ

รวมถึงการลงทุนในบริษัทและการขายโรงแรมดาราเทวี ที่ให้ข้อมูลต่อสื่อว่า กลุ่มบริษัท Guangxi Yifan จะเข้ามาร่วมลงทุนด้วยการซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมหรือซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทในสัดส่วน 30% ของทุนจดทะเบียน และต่อมาก็ให้บริษัทออกหนังสือชี้แจงไปยังตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าบริษัทได้รับการติดต่อจากกลุ่มบริษัท Guangxi Yifan ผ่านทางนายวิชัยเพื่อเจรจาร่วมลงทุน และหากการศึกษาความเหมาะสมในด้านต่างๆ

นอกจากนี้ นายวิชัย ยังให้ข้อมูลต่อสื่อว่าได้ลงนามในบันทึกความร่วมมือในนามส่วนตัวกับกองทุน Jade Bird Fund จากประเทศจีน เพื่อเสนอขายโรงแรมดาราเทวี ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในมูลค่า 5,000 ล้านบาท ทั้งที่ไม่มีอำนาจโดยลำพังโดยไม่ผ่านมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท

“ในกรณีนี้ แม้การกระทำดังกล่าวของนายวิชัยซึ่งเป็นการกระทำโดยไม่มีอำนาจและไม่มีผลผูกพันบริษัทก็ตาม แต่การเข้าลงนามในบันทึกความร่วมมือดังกล่าว ย่อมทำให้ผู้ลงทุนเกิดความเข้าใจผิดได้ว่า กลุ่มบริษัท Guangxi Yifan จะมาลงทุนในบริษัท หรือบริษัทมีความประสงค์จะขายโรงแรมดาราเทวี ทำให้เกิดความสำคัญผิดเกี่ยวกับฐานะทางการเงินและผลการดำเนินการของบริษัทและอาจส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้ลงทุนด้วย"นายทวิชกล่าว

เกี่ยวกับการจำนำหุ้น ICAP ในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2560 นายวิชัยและนายศุภนันท์กลับปล่อยให้มีการข้อมูลในลักษณะยืนยันข้อเท็จจริงแก่ผู้ถือหุ้นในที่สาธารณะในนามของบริษัทว่าการจำนำดังกล่าวจำกัดวงเงินอยู่เพียง 100 ล้านบาท ซึ่งขัดแย้งกับข้อความจริงตามที่ระบุอยู่ในสัญญาจำนำ ลงวันที่ 19 ธ.ค.59 และข้อเท็จจริงที่ว่าบริษัทยังคงเป็นหนี้ตั๋วแลกเงินในกรณีดังกล่าวอยู่รวมทั้งหมด 200 ล้านบาท

4. การกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายประการอื่น เช่น การหาเหตุเพื่อไม่ชำระหนี้แก่บริษัทบริหารสินทรัพย์ โกลบอลวัน จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ บริษัท ดาราเทวี จำกัด (ดาราเทวี) และนายวิชัยยังกล่าวหาผ่านสื่อสาธารณะว่า Global One สร้างหนี้ดังกล่าวขึ้นโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเพื่อให้บริษัทต้องรับผิดชำระหนี้ เป็นเหตุให้บริษัทถูก Global One ฟ้องร้องเป็นคดีแพ่งต่อศาลแพ่งให้รับผิดชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 100 ล้านบาท ในฐานละเมิด รวมทั้งมีการเลิกจากพนักงานของบริษัทโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำนวน 25 คน ไม่จ่ายเงินค่าจ้าง ค่าชดเชย และ/หรือค่าเสียหายตามกฎหมายแรงงาน ทำให้พนักงานที่ถูกเลิกจ้างฟ้องบริษัทเป็นคดีต่อศาลแรงงาน

5.การปฏิบัติหน้าที่บกพร่องและไม่ชอบด้วยกฎหมายในฐานะประธานกรรมการบริษัท โดยเฉพาะประเด็นที่เกิดขึ้นในการประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 15 มี.ค.60 ที่ผ่านมา

“ผมเห็นว่าหากยังคงให้นายวิชัย ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประธานกรรมการบริษัทต่อไปจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัท และผู้ถือหุ้นเป็นอย่างมาก และเป็นบรรทัดฐานให้แก่ผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์อื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่างในการไม่เคารพและปฏิบัติตามข้อบังคับของบริษัท และกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการบริหารงานบริษัทในอนาคต"นายทวิช ระบุ

นอกจากนี้ คณะกรรมการ IFEC ในฝั่งของนายทวิชจำนวน 5 คน ซึ่งประกอบด้วยนายทวิช, นางสาวประนอม โฆวินวิวัฒน์, นายสมชาย สกุลสุรรัตน์, พล.ต.อ.สุนทร ซ้ายขวัญ และนายปริญญา วิญญรัตน์ ที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่จากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2560 ได้ทำหนังสือคัดค้านการประชุมและมติของที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯเมื่อวันที่ 15 มี.ค.60 ส่งไปยังนายวิชัย รวมทั้งส่งหนังสือคัดค้านไปยังเลขาธิการ ก.ล.ต. และ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยด้วย เนื่องจากกรรมการที่เหลือเพียง 4 คนในที่ประชุมนั้นไม่ครบองค์ประชุม จึงเป็นการประชุมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่สามารถถือได้ว่าเป็นมติที่มีผลผูกพันต่อกรรมการอีก 5 คนแต่อย่างใด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ