บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือ ทอท. เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการบริษัทว่า คณะกรรมการ ทอท.มีมติเห็นชอบรูปแบบและรายละเอียดการจัดตั้งบริษัทจำกัดเพื่อให้บริการลานจอดและอุปกรณ์ภาคพื้น ณ ท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับผิดชอบของ ทอท. โดยมีรูปแบบคือ ทอท.ร่วมลงทุนกับสายการบินที่ให้บริการอุปกรณ์ภาคพื้นให้ตัวเองจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ราย และผู้ให้บริการอิสระไม่น้อยกว่า 1 ราย โครงสร้างสัดส่วนผู้ถือหุ้นเบื้องต้นคือ ทอท.ถือหุ้น 40% กลุ่มสายการบินถือหุ้น 30% และกลุ่มผู้ประกอบการถือหุ้น 30%
สำหรับบริการลานจอดและอุปกรณ์ภาคพื้นเป็นบริการหลักที่สำคัญของท่าอากาศยาน ดังนั้น การจัดตั้งบริษัทจำกัดดังกล่าวจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการของท่าอากาศยาน และเป็นประโยชน์ต่อสายการบิน เนื่องจากจะเป็นการเพิ่มทางเลือกใหม่ และทำให้เกิดการแข่งขันของผู้ให้บริการในลานจอด ซึ่งนำไปสู่การยกระดับดับมาตรฐานการให้บริการ และการปฏิบัติต่อลูกค้าอย่างเท่าเทียม
รวมทั้งเป็นการส่งเสริมการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่มาใช้ในการปฏิบัติงาน ซึ่งในระยะยาวจะทำให้ ทอท.สามารถลดความซ้ำซ้อนของการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการผู้โดยสารได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังเป็นการสร้างโอกาสในการลงทุนให้กับ ทอท.ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องในระยะยาวอีกด้วย
ทั้งนี้ ทอท.คาดว่าจะจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทได้ภายในเดือนก.ย. 60
นอกจากนี้ คณะกรรมการ ทอท.มีมติอนุมัติโครงสร้างการบริหารงานเขตปลอดอากรและคลังสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ตามที่ ทอท.เสนอ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.60 เป็นต้นไป โดยยกระดับโครงสร้างศูนย์บริหารพื้นที่เขตปลอดอากรและคลังสินค้า เป็นฝ่ายบริหารการขนส่งสินค้าทางอากาศ ประกอบด้วย 5 ส่วนงาน ได้แก่ ส่วนแผนการขนส่งสินค้าทางอากาศ ส่วนปฏิบัติการคลังสินค้า ส่วนสัญญาและรายได้ ส่วนอำนวยความสะดวก และส่วนอำนวยการ ซึ่งการจัดตั้งฝ่ายบริหารการขนส่งสินค้าทางอากาศและมีส่วนงานที่ครอบคลุมการบริหารจัดการเขตปลอดอากร และคลังสินค้า
ทสภ.จะทำให้การบริหารสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการขนส่งสินค้าทางอากาศ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถตอบสนองกระบวนการขนส่งสินค้าทางอากาศที่เป็นพลวัตได้อย่างดี อีกทั้งมีแผนงานในการใช้ระบบสารสนเทศเข้ามาบริหาร เพื่อให้เกิดความรวดเร็วสามารถลดต้นทุนและเวลาด้านการจัดการโลจิสติกส์และตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการ และเมื่อ ทอท.ได้บรรจุบุคลากรลงตามโครงสร้างเรียบร้อยแล้ว ทอท.จะเดินหน้าเร่งพัฒนาการให้บริการเขตปลอดอากรและคลังสินค้า เพื่อให้การดำเนินงานภายในเขตปลอดอากรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีความสะดวก รวดเร็ว ซึ่งจะส่งผลดีต่อระบบโลจิสติกส์ของประเทศโดยรวม และสร้างความเชื่อมั่นในการเป็นประตูการค้าหลักเพื่อนำพาเศรษฐกิจของประเทศให้ยั่งยืนต่อไป
ทั้งนี้ ทอท.ได้รับอนุญาตจากกรมศุลกากรให้เป็นผู้จัดตั้งเขตปลอดอากร ทสภ. นับตั้งแต่วันที่ 29 ก.ค.47 และได้รับอนุญาตให้เป็นผู้ประกอบกิจการในเขตปลอดอากร นับตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.50 โดยเขตปลอดอากรมีพื้นที่ให้บริการ 423 ไร่ หรือ 660,000 ตารางเมตร สามารถรองรับสินค้าได้ประมาณ 3 ล้านตันต่อปี เมื่อทำการขยายเต็มพื้นที่ขณะนี้รองรับปริมาณสินค้าได้ 1.7 ล้านตันต่อปี
สำหรับการดำเนินกิจกรรมในเขตปลอดอากร ประกอบด้วย การดำเนินกิจกรรมการนำเข้า ส่งออกสินค้าตามปกติ (Direct Import and Export Transshipment Cargo and Transit Cargo) และการดำเนินกิจกรรมการเพิ่มมูลค่าสินค้า (Value Added Area : VAA) ที่ผ่านมา ทอท.ได้ว่าจ้างเอกชนดำเนินงานและบริหารจัดการพื้นที่เขตปลอดอากรในกิจกรรมที่เป็นส่วนของการให้บริการผู้ใช้เขตปลอดอากร ในการนำเข้าส่งออกสินค้าเป็นหลัก โดย ทอท.ทำหน้าที่กำกับดูแลและให้นโยบาย
ภายหลังจากที่ ทอท.จัดตั้งฝ่ายบริหารการขนส่งสินค้าทางอากาศ เพื่อจะเข้าไปบริหารงานและกำกับดูแลเขตปลอดอากร ทสภ.ทั้งระบบแล้ว ทอท.คาดว่าจะทำให้การประกอบกิจการภายในเขตปลอดอากร ทสภ.เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถ สร้างมูลค่าเพิ่มในการบริหารงานให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของประเทศต่อไป