นายสุพจน์ วรรณา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจเอเอส แอสเซ็ท (J) กล่าวว่า บริษัทฯคาดรายได้รวมปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% จากปีก่อนทำได้ 562 ล้านบาท โดยในธุรกิจการบริหารพื้นที่เช่า IT Junction เติบโตเฉลี่ย 15% จากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องไปพร้อมกับพันธมิตรศูนย์การค้าชั้นนำต่างๆ โดยปีนี้วางงบลงทุนราว 30 ล้านบาท จะขยาย IT Junction เพิ่มอีกจำนวน 8 สาขา ส่งผลทำให้ทั้งปีจะมีสาขาทั้งสิ้น 60 สาขา ซึ่งจะครอบคลุมทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด รวมถึงจะใช้ในการปรับปรุงสาขาเดิมให้มีความทันสมัยมากขึ้น
ทั้ง นี้บริษัทฯยังมีแผนขยายการให้บริการในพื้นที่อื่นๆ ที่มีศักยภาพ และปรับโฉมสาขาให้เป็นมากกว่าศูนย์มือถือครบวงจร เสมือน Life Style Mall ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ เพื่อครองความเป็นผู้นำในธุรกิจบริหารพื้นที่เช้าศูนย์มือถือรายใหญ่ของประเทศ รวมถึงในอนาคตก็มีแผนขยายไลน์สินค้าอื่นๆ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า ,กล้องถ่ายรูป เป็นต้น เพื่อขยายฐานลูกค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้น
ขณะที่ล่าสุด IT Junction ศูนย์มือถือครบวงจรรายใหญ่ของประเทศ ได้ร่วมกับพันธมิตร ได้แก่ AIS ,Oppo ,Vivo,Huawei ,Jaymart โดยทุ่มงบลงทุนด้านการตลาดราว 20 ล้านบาท ในการจัดแคมเปญใหญ่ "ฉลอง 17 ปี ไอที จังชั่น แจกหนัก จัดเต็ม" เช่น แจกรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และท่องเที่ยวต่างประเทศ ให้กับลูกค้าที่ซื้อมือถือในสาขาไอที จังชั่น ทุกเดือน ตลอดทั้งปี เพื่อเพิ่มจำนวนผู้เข้ามาใช้บริการในพื้นที่ สนับสนุนการขายของร้านค้ารายย่อยใน IT Junction ให้มียอดจำหน่ายมือถือหนุนเวียนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ธุรกิจศูนย์การค้าชุมชนภายใต้ชื่อ The Jas ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 3 แห่ง ได้แก่ The Jas วังหิน , The Jas รามอินทรา และ The Jas Urban ศรีนครินทร์ ขณะที่ The Jas รามอินทรา ปีนี้จะเพิ่มในส่วนของ FoodCourt และสวนสนุกในร่มเฟส 2 , ส่วน The Jas Urban ศรีนครินทร์ ปัจจุบันมียอดผู้เช่าเต็ม 100% จะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาในปีนี้เต็มปี ขณะเดียวกันบริษัทฯอยู่ระหว่างเตรียมนำสินทรัพย์ดังกล่าวทั้ง 3 แห่ง ขายเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในช่วงปลายปีหรือต้นปีหน้า
สำหรับการเจรจากับพันธมิตรจำนวน 2 ราย เพื่อเข้าซื้อห้างสรรพสินค้าเก่า บริษัทฯได้ยกเลิกการเจรจาดังกล่าวไปแล้ว เนื่องจากไม่สามารถตกลงในเรื่องของราคาได้ แต่อย่างไรก็ตามบริษัทฯก็ยังคงมีความสนใจในการเข้าซื้อห้างสรรพสินค้าเก่าอยู่ ซึ่งจะต้องมีระดับราคาที่เหมาะสม
ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อยู่ระหว่างการเตรียมเปิดตัวคอนโดมิเนียมภายใต้ชื่อ Newera คอนโด Low Rise จำนวน 8 ชั้น ย่านถนนประดิษมนูธรรม มูลค่าโครงการ 400 ล้านบาท คาดพร้อมเปิดให้จองได้ภายในกลางปีนี้ และน่าจะเริ่มโอนโครงการได้ในช่วงไตรมาส 1/61