โบรกเกอร์เชียร์"ซื้อ"หุ้น บมจ.โมโน เทคโนโลยี (MONO) เป็นหุ้น Top pick ในกลุ่มทีวีดิจิตอล ด้วยเป้าหมายรายได้ปี 60 ที่ผู้บริหารให้ไว้ที่ 3.3 พันล้านบาท สูงกว่าที่โบรกฯบางรายคาดการณ์ไว้ที่ 2.7 พันล้านบาท คาดอัตราค่าโฆษณาเฉลี่ยทั้งปีปรับตัวเพิ่มขึ้น 28% เทียบกับปีก่อน หรือมาที่ 2.5 หมื่นบาท/นาที ตามการเพิ่มขึ้นของเรตติ้ง และอัตราการจองเวลาโฆษณาที่สูงถึงระดับ 70%
นอกจากนี้ คาดว่า MONO จะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากคอนเทนท์การแข่งขันกีฬาบาสเกตบอลที่ร่วมกับธนาคารออมสิน “GSB TBL 2017"เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดจัดการแข่งขันตลอดทั้งปีนี้ 2 League ใหญ่ และ 2 League ย่อย บริษัทคาดรายได้สปอนเซอร์จากกีฬาปีนี้ราว 8.5% ของรายได้รวม
ดังนั้น มองว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดีสำหรับ MONO โดยมองว่าบริษัทฯมีโอกาสที่จะพลิกกลับมาเป็นกำไรได้อีกครั้ง เริ่มตั้งแต่ไตรมาส 1/60 หนุนด้วยการฟื้นตัวของเม็ดเงินโฆษณาดิจิตอลทีวี และค่าเฉลี่ยอัตราค่าโฆษณาที่สูงขึ้น และยังเชื่อว่าการพลิกกลับมาเป็นกำไรในไตรมาส 1/60 จะเป็นเพียงแค่ก้าวแรกของการเติบโตของกำไรในอนาคต
ราคาหุ้น MONO ปิดเที่ยงวันนี้ที่ 3.48 บาท เพิ่มขึ้น 0.04 บาท (+1.16%) ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย เพิ่มขึ้น 0.40%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
บัวหลวง ซื้อ 4.20
ทิสโก้ ซื้อ 4.20
เออีซี ซื้อ 4.00
นายนภนต์ ใจแสน ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายงานวิจัย บล.บัวหลวง ระบุว่า MONO มีเป้าหมายรายได้ในปี 60 ที่ 3.3 พันล้านบาท ซึ่งมากกว่าที่เราคาดไว้ที่ 2.7 พันล้านบาท โดยคาดว่าอัตราค่าโฆษณาเฉลี่ยปรับตัวเพิ่มขึ้น 28% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน มาที่ 2.5 หมื่นบาท/นาที ด้วยอัตราการจองเวลาโฆษณาที่ 70% จากปี 59 ที่ 57%
ส่วนรายได้จากบริการเสริมบนโทรศัพท์เคลื่อนที่คาดว่าจะคงที่จากปีก่อน โดยวีดีโอคอนเทนต์และ Video on demand จาก Monomax จะเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้น ทดแทนรายได้ในส่วนของธุรกิจ SMS ดั้งเดิมที่ชะลอตัวลงไป ด้านธุรกิจภาพยนตร์ทาง T-moment วางแผนจะทำภาพยนตร์หนังอย่างน้อย 3 เรื่องต่อปี สุดท้ายรายได้อื่นๆ คาดจะได้แรงหนุนจากรายได้สปอนเซอร์ของบาสเกตบอล ลีก ที่จะเข้ามาในปีนี้
สำหรับเป้าหมายค่าเฉลี่ยเรตติ้งในปี 60 อยู่ที่ 0.7 และคาดว่าในช่วงสิ้นปีจะขึ้นไปถึง 0.8 ได้ ซึ่งเรตติ้งของช่องทีวีดิจิตอล MONO29 ในเดือน ก.พ. 60 ไต่ระดับขึ้นมาอยู่ที่ 0.65 ถือว่าเพิ่มขึ้นมาจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ในระดับ 0.50 จากการออกอากาศภาพยนตร์ใหม่ๆ และฐานผู้ชมที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
นายนภนต์ กล่าวว่า ปีนี้จะเป็นปีที่ดีสำหรับ MONO เพราะเชื่อว่าผลประกอบการของบริษัทฯมีโอกาสพลิกกลับมาเป็นกำไรได้อีกครั้งเริ่มตั้งแต่ในไตรมาส 1/60 ได้รับแรงสนับสนุนด้วยการฟื้นตัวของเม็ดเงินโฆษณาดิจิตอลทีวีที่คาดว่า และค่าเฉลี่ยอัตราค่าโฆษณาที่สูงขึ้น ซึ่งผลกำไรในไตรมาส 1/60 จะเป็นเพียงแค่ก้าวแรกของการเติบโตของกำไรในอนาคต โดยคาดว่ากำไรจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในไตรมาส 2/30 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นสำหรับธุรกิจสื่อ และในฝั่งของ T-Moment ได้ประเดิมหนังเรื่องแรกของค่ายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คาดจะหนุนอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรของเรา
"เรามองว่า MONO เป็นหุ้น Top pick ในกลุ่มทีวีดิจิตอล เพราะเรตติ้งของบริษัทฯปรับตัวดีขึ้นเรื่อย ประกอบกับค่าโฆษณาที่ยังอยู่ในระดับสูง และสามารถปรับขึ้นได้อีกมาก ซึ่งปีนี้เราเชื่อว่าผลประกอบการจะกลับมาเป็นบวกได้อย่างแน่นอน"นายนภนต์ กล่าว
ด้านบทวิเคราะห์ของ บล.ทิสโก้ คงแนะนำ"ซื้อ"หุ้น MONO เพื่อการถือลงทุนในระยะยาว หลังจากการประชุมนักวิเคราะห์ล่าสุดยังมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทที่จะพลิกกลับมาเป็นกำไร โดยคาดรายได้จากธุรกิจทีวีที่ฟื้นกลับมาจากอัตราการเช่าโฆษณาที่จะเพิ่มขึ้น รวมถึงการปรับอัตราค่าโฆษณาสูงขึ้นตามเรตติ้ง ซึ่ง MONO สามารถรักษาระดับเรตติ้งให้อยู่ใน 5 อันดับแรกได้อย่างต่อเนื่อง จึงเป็นเป้าหมายของกลุ่มเอเจนซี่ในการซื้อโฆษณา และยังรวมถึงโอกาสในการปรับอัตราค่าโฆษณาเพิ่มขึ้นได้รวมทั้งการควบคุมบริหารต้นทุนให้คงที่
นอกจากนี้ รายได้ในปีนี้ยังน่าจะเพิ่มขึ้นจากคอนเทนท์การแข่งขันกีฬาบาสเกตบอลที่ได้ร่วมกับธนาคารออมสิน “GSB TBL 2017" เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดจัดการแข่งขันตลอดทั้งปีนี้ 2 League ใหญ่ และ 2 League ย่อย โดยบริษัทคาดว่าจะมีรายจากสปอนเซอร์รายการกีฬาปีนี้ราว 8.5% ของรายได้รวม
ขณะที่ บล.เออีซี แนะนำ"ซื้อ"หุ้น MONO เนื่องจากมองแนวโน้มการ Turnaround ที่แข็งแกร่งของ MONO บวกกับราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside 9.9% จากราคาเป้าหมายใหม่ปี 60 ที่ 4.00 บาท
แม้ว่าในปี 59 MONO มีผลประกอบการขาดทุน 250 ล้านบาท แต่ด้วยการมี Content ที่แข็งแกร่งจนทำให้ช่อง MONO29 เริ่มติดตลาด และมีเรทติ้งสูงเป็นอันดับ 4 รวมถึง CPRP(Cost per Rating Point) ที่ยังต่ำกว่าคู่แข่งอยู่มาก จึงทำให้เราปรับสมมติฐานอัตราโฆษณาปี 60 เพิ่มจากเดิม 2.7 หมื่นบาท/นาที เป็น 3 หมื่นบาท/นาที ซึ่งยังเป็นเรทที่มีส่วนลดจากคู่แข่งราว 25-30% ส่งผลให้ประมาณการกำไรปี 60 เพิ่มขึ้นจากเดิม 33.0% และมีกำไรสุทธิ 327 ล้านบาท ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากผลประกอบการที่ขาดทุน 250 ในปี 59