นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้ง (ASP) กล่าวว่า บริษัทฯคาดจะยังคงรักษาระดับอัตรากำไรสุทธิปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 20-30% เป็นไปตามสัดส่วนรายได้ของค่าธรรมเนียม 50% ,การลงทุน 20% ,งานวิณิชธนกิจ 10-20% และที่เหลือเป็นอื่นๆ ซึ่งการลงทุนในปีนี้บริษัทฯก็มีความสนใจในธุรกิจสตาร์ทอัพ และหุ้นในต่างประเทศเพิ่มเติม
สำหรับงานด้านวาณิชธนกิจ (IB) ขณะนี้มีลูกค้า 57 ราย แบ่งเป็นงานเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (FA ) ในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่คาดว่าในปีนี้จะสามารถเสนอขายหุ้น IPO ได้ทั้งหมด 4 บริษัท ส่วนที่เหลือมีทั้งงานที่ปรึกษาฯ การออกตราสารทางการเงินต่างๆ และการควบรวมกิจการ (M&A)
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมการออกตราสารทางการเงิน หรือหุ้นกู้ในปีนี้ คาดว่าจะมีจำนวนลดลง จากปีก่อนที่มีมูลค่าราว 130,000 ล้านบาท
นายก้องเกียรติ กล่าวว่า ภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นทั่วโลกยังมีทิศทางที่ดี โดยตลาดหุ้นไทยปีนี้คาดว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียน (EPS Growth) จะเติบโตได้ราว 8% ซึ่งชะลอลงจากปีก่อนที่เติบโตได้ถึง 30% เนื่องจากราคาหุ้นไทยไม่ได้ถูกแล้ว และ P/E ก็ปรับขึ้นมาในระดับสูง ทำให้ไม่ได้รับความน่าสนใจในการลงทุนมากนัก
"การที่จะทำให้เงินทุนไหลเข้านั้น ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทยจะต้องมีการเติบโตในระดับที่สูง และมีโครงการลงทุนที่ดี ที่น่าสนใจ ซึ่งที่ผ่านมาก็ยังไม่เห็นการเติบโตในลักษณะนั้น ทำให้ในระยะสั้นนี้ยังไม่มีสาระสำคัญมากนัก"นายก้องเกียรติ กล่าว
ขณะที่คาดว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย (GDP) ในปีนี้ก็น่าจะเติบโตได้ราว 3% แต่ยังต้องติดตามการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐฯ ซึ่งอาจจะส่งผลดีมาถึงประเทศไทย
ส่วนตลาดหุ้นทั่วโลกก็มีการปรับขึ้นไปพอสมควร โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในระยะเวลา 4 เดือนปรับตัวขึ้นไป 30-35% เป็นผลมาจากความคาดหวังในนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ทั้งเกี่ยวกับการลงทุนในสหรัฐฯ และนโยบายปฏิรูปภาษี เป็นต้น ซึ่งถือว่าปัจจัยดังกล่าวเป็นตัวขับเคลื่อนข่าวดี โดยนักลงทุนยังคงจับตาอย่างต่อเนื่องว่านโยบายต่างๆ ของทรัมป์จะเกิดขึ้นเป็นรูปธรรมได้หรือไม่ และหากเศรษฐกิจหลักของโลกอย่างสหรัฐฯ ฟื้นตัวดีขึ้นก็น่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจทั่วโลกฟื้นตัวตาม
นายก้องเกียรติ แนะนำให้นักลงทุนกระจายความเสี่ยงของการลงทุนไปทั่วโลก โดยมองว่าตลาดหุ้นจะฟื้นตัวดีขึ้น จากความเชื่อมั่นว่าสหรัฐฯ จะลดภาษีเงินได้นิติบุคคล และจะมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ส่วน ยุโรป หากไม่มีการพลิกล็อคในเรื่องการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น ก็น่าจะมีการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ มองหุ้นแบงค์ ,ประกัน น่าสนใจจากผลตอบแทนที่ดี
ด้านจีน คาดว่าเศรษฐกิจน่าจะขยายตัวได้ 6% ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีในการผลักดันการเติบโตไปได้ หลังอยู่ในช่วงชะลอตัวมาหลายปี ,ญี่ปุ่น ฟื้นตัวขึ้นจากการส่งออกที่ฟื้นตัว และไทย ที่คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตได้ในระดับ 3% แต่หากมองศักยภาพของประเทศน่าจะเติบโตได้มากกว่านี้
นายก้องเกียรติ กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 29 มี.ค.นี้ คาดว่า กนง.จะยังคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิม หรือ 1.50% เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยที่จะต้องกังวลเกิดขึ้นในขณะนี้