นางสาวณัฐชไม ถนอมบูรณ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ บมจ.คาราบาวกรุ๊ป (CBG) มั่นใจกำไรสุทธิปีนี้จะดีกว่าปีก่อนที่ 1,489.76 ล้านบาท ตามการเติบโตของรายได้ที่ 20-25% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,489.76 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายในประเทศมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นได้ค่อนข้างดี และบริษัทเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ไม่ต่ำกว่า 2 รายการ รวมทั้งการเพิ่มศูนย์กระจายสินค้าครบ 31 แห่ง
ในขณะที่ยอดขายต่างประเทศค่อนข้างมั่นใจว่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยบริษัทตั้งเป้าที่จะมียอดขายจากจีนทั้งปีราว 200 ล้านกระป๋อง ซึ่งปัจจุบันมีคำสั่งซื้อล่วงหน้าเข้ามาแล้ว 60 ล้านกระป๋อง ขณะที่ตลาดอังกฤษจะเริ่มมีการขายสินค้าผ่านโมเดิร์นเทรดมากขึ้น โดยคาดว่าจะมียอดขายราว 30 ล้านกระป๋อง ส่วนยอดขายในประเทศอื่นก็ยังมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บริษัทได้มีการสร้าง Marketing Platform เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายที่จะเป็นแบรนด์ระดับโลก ซึ่งสามารถเข้าถึงได้ในทุกๆ ตลาดทั่วโลก เชื่อว่าจะส่งผลให้ยอดขายในต่างประเทศเติบโตได้อย่างรวดเร็ว บริษัทตั้งเป้าหมายสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น 50% ภายในปี 61 จากปัจจุบันอยู่ที่ 34%
"การขยายตลาดของเรามีการทำ Marketing Platform ที่ดี และสามารถขยายไปได้ทั่วโลก ซึ่งการบุกเข้าไปในประเทศอังกฤษและทำการตลาดผ่านกีฬาฟุตบอล เป็นการบอกให้รู้ว่าตอนนี้เราพร้อมแล้วที่จะผลักดันแบรนด์คาราบาวไปสู่ตลาดระดับโลก ต่อจากการขยายในเน้นอังกฤษแล้วเราก็จะลุยต่อในตลาดจีน และบราซิล ตามด้วยออสเตรเลีย"นางสาวณัฐชไม กล่าว
สำหรับแนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิในปีนี้ อาจจะปรับตัวลดลงจากปีก่อนที่ 35.90% และ 14.73% ตามลำดับ เนื่องจากบริษัทได้ใช้งบการตลาดค่อนข้างมากเพื่อให้ผู้บริโภครับรู้แบรนด์คาราบาวมากขึ้น และบริษัทยังคงต้องใช้วิธีการจ้างผลิตสินค้าในการเพิ่มสินค้าใหม่ๆเข้ามา และเพื่อรองรับกับคำสั่งซื้อที่ขยายตัวค่อนข้างมาก นอกจากนี้บริษัทยังมีสัดส่วนรายได้ 30% ที่มาจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า ซึ่งมีมาร์จิ้นที่ต่ำกว่าการขายสินค้าของบริษัทฯ
"แม้ว่าอัตรากำไรสุทธิ และอัตรากำไรขั้นต้นอาจจะมีแนวโน้มที่ลดลง แต่เรายังคงยืนยันที่จะมีการเติบโตในแง่ของกำไรสุทธิที่ดีอย่างแน่นอน ด้วยยอดขายที่เติบโต และการขยายตลาดไปยังต่างประเทศมากขึ้น"นางสาวณัฐชไม กล่าว
ส่วนงบลงทุนปีนี้บริษัทฯตั้งไว้ที่ราว 5,000 ล้านบาท เพื่อใช้ทำการตลาดและกิจกรรมต่างๆ และจะใช้ในการขยายกำลังการผลิตในส่วนของการบรรจุกระป๋องให้เพิ่มเป็น 4 ล้านกระป๋อง/วัน ในปี 61 จากปีนี้ที่บริษัทฯจะมีการขยายกำลังการผลิตเป็น 3 ล้านกระป๋อง/วัน ในเดือน พ.ค. และเริ่มลงทุนใหมาในเดือน ต.ค. เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีก 1 ล้านกระป๋อง/วัน และส่วนสุดท้ายคือการร่วมลงทุนในธุรกิจโรงงานผลิตกระป๋องอลูมิเนียมที่ใช้เป็นบรรจุภัณฑ์ กำลังการผลิต 1,000 ล้านกระป๋อง/ปี ซึ่งบริษัทฯถือหุ้นในสัดส่วน 74%