นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังอยู่ในกระแสของการทำ Window Dressing และราคาน้ำมันก็ปรับตัวขึ้นมาเหนือระดับ 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทำให้น่าจะช่วยหนุนดัชนีฯ
แต่มองว่าราคาน้ำมันก็ยังไม่ใช่ขาขึ้นอย่างชัดเจน คงเป็นแค่การสวิงมากกว่า จากการคาดหวังว่าผู้ผลิตน้ำมันน่าจะยืดระยะเวลาการลดกำลังการผลิตออกไป ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ
ส่วนปัจจัยในประเทศวันนี้ให้ติดตามการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงเกี่ยวภับภาวะเศรษฐกิจไทย พร้อมให้แนวรับ 1,570 จุด ส่วนแนวต้าน 1,585-1,590 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (30 มี.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,728.49 จุด เพิ่มขึ้น 69.17 จุด (+0.33%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,914.34 จุด เพิ่มขึ้น 16.80 จุด (+0.28%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,368.06 จุด เพิ่มขึ้น 6.93 จุด (+0.29%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 107.20 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้เพิ่มขึ้น 1.98 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 4.44 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 4.02 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 1.18 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 2.29 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 1.77 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 3.99 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (30 มี.ค.60) 1,579.88 จุด เพิ่มขึ้น 4.91 จุด (+0.31%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 10,694.70 ล้านบาท เมื่อวันที่ 30 มี.ค.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (30 มี.ค.60) ปิดที่ 50.35 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 84 เซนต์ หรือ 1.7%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (30 มี.ค.60) ที่ 6.65 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.47 ทิศทางอ่อนค่าหลังตัวเลขศก.สหรัฐหนุนดอลล์แข็ง-รอความชัดเจนนโยบาย"ทรัมป์"
- คลังเผยเครื่องชี้เศรษฐกิจเดือนก.พ.ขยายตัวดี มั่นใจจีดีพีปีนี้โตตามเป้าที่ 3.6% และอาจโตถึง 4% หากส่งออกขยายตัวดี-งบกลางกระตุ้นเศรษฐกิจภูมิภาคเบิกจ่ายได้ 60% โดยไม่จำเป็นต้องมีมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม ด้านสรท.ห่วงบาทแข็งที่ 34.5 กระทบส่งออก โตเพียง 1.5-2%
- มติสนช.ผ่านฉลุย 2 ร่างกฎหมายปิโตรเลียม โดยกมธ.ยอมตัด ม.10/1 เรื่องการจัดตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติในร่างพ.ร.บ.ปิโตรเลียม แต่เขียนข้อสังเกตให้ครม.ตั้ง กก.ศึกษาใน 60 วัน เพื่อศึกษารายละเอียดตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติภายใน 1 ปี ด้านอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ระบุว่าคณะกรรมการปิโตรเลียมจะประชุมเพื่อกำหนดรายละเอียดต่าง ๆ ตามข้อกฎหมายรองรับการปฎิบัติงานตาม พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับ เพื่อที่จะเดินหน้าเปิดประมูลสำรวจและผลิตปิโตรเลียม 2 แหล่งที่จะหมดอายุลงในปี 2565-2566 โดยคาดว่าในเดือนก.ค.นี้จะเข้าสู่การขั้นตอนเปิดขายทีโออาร์ เพื่อนำไปสู่การยื่นเสนอการประมูลในเดือนต.ค.นี้ และจะสามารถตัดสินผู้ชนะการประมูลในเดือนธ.ค.ปีนี้
- ประธานสภาส่งออกสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้เรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเป็นปัจจัยหลักที่ผู้ส่งออกต้องจับตาดูใกล้ชิด เพราะความผันผวน จนทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่านั้น มีผลต่อยอดการส่งออกไทย คาดว่ายอดส่งออกในเดือน มี.ค.นี้ จะแตะระดับ 1.81 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากได้อานิสงส์จากฐานปีก่อนที่ต่ำมาก
- การจัดเก็บรายได้รัฐบาลในช่วง 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2560 รัฐบาลจัดเก็บได้ 8.76 แสนล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 1.41 หมื่นล้านบาท เนื่องจากการจัดเก็บรายได้ของหน่วยงานอื่นสูงกว่าประมาณการ 2.09 หมื่นล้านบาท และการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจสูงกว่าประมาณการ 1.15 หมื่นล้านบาท
- ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2560 จะขยายตัวได้ตามที่ประมาณการไว้ 3.6% เนื่องจากการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบกลางปี 1.9 แสนล้านบาท คาดว่าจะเบิกจ่ายได้ในปีนี้ไม่น้อยกว่า 60% ถึงแม้ว่าการเบิกจ่ายงบลงทุนของหน่วยงานรัฐบาลจะมีบางโครงการล่าช้า แต่ก็มีการเร่งลงทุนของรัฐวิสาหกิจด้านพลังงานมาชดเชย
*หุ้นเด่นวันนี้
- NPP-W3 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.นิปปอน แพ็ค (ประเทศไทย) NPP)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 248,172,702 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 1.10 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 18 เดือน นับจากวันที่ออกเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิซึ่งตรงกับวันที่ 10 มีนาคม 2560 ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย) กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 7 ก.ย. 2561 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 7 ก.ย. 2561
- KBANK (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 240 บาท เป็น Top Pick ในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่เพราะจะได้รับประโยชน์ที่สุดจากวงจรขาขึ้นของสินเชื่อเพราะมี NIM สูงสุดในกลุ่มแบงก์ใหญ่ และยังได้ประโยชน์ที่สุดจากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นจากสัดส่วนสินเชื่อภาคธุรกิจที่มีถึง 70% ส่วนกำไรสุทธิ 1Q60 คาด +6% Q-Q, +12% Y-Y เป็น 1.08 หมื่นล้านบาท และคาดกำไรทั้งปี +3% Y-Y
- STANLY (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 280 บาท คาดกำไรจะกลับมาเติบโตเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี จาก 1) การเติบโตยอดขาย LED ที่มีอัตรากำไรสูง 2) มองอุตสาหกรรมผลิตรถฯ ฟื้นตัว นอกจากนี้ มอง valuation ถูกมาก ด้วย PE เพียง 7x และ EV/EBITDA เพียง 4x คาดกำไรปี 2561F จะโต 24%
- PTTGC (เคจีไอ) "เก็งกำไร"เป้า 83 บาท ประเมินด้วยราคาปิโตรเคมีที่ดีขึ้นใน 1Q60 คาดผลการดำเนินงานหลัก จะเติบโตทั้ง QoQ และ YoY และมี Catalyst ที่รออยู่คือการเข้าซื้อธุรกิจปิโตรเคมีจากกลุ่ม PTT คาด Upside เพิ่มขึ้นจากเป้าพื้นฐานปัจจุบันอีก 5 บาท (รอประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติการลงทุนฯ 5 เม.ย.นี้)