นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บมจ. ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ (LALIN) เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 1/60 นี้บริษัทฯสามารถสร้างยอดขายได้แล้วราว 900-1,000 ล้านบาท โดยตั้งแต่ช่วงเดือนก.พ. ที่ผ่านมาตลาดเริ่มเห็นการปรับตัวที่ดีขึ้นแล้ว ทำให้กำลังซื้อเริ่มฟื้นตัวได้อีกครั้ง แม้ว่าไม่มากนัก แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังหลังสถานการณ์ต่างๆจะปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯมียอดขายตามเป้าหมายที่วางไว้ 3,650 ล้านบาทได้
ส่วนแผนเปิดโครงการใหม่ปีนี้ตั้งไว้ที่ 8-10 โครงการ มูลค่ารวม 4,000 ล้านบาท แบ่งเป็นในกรุงเทพฯและปริมณฑล 70% และต่างจังหวัด 30% เช่น ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และระยอง โดยมองว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ ในต่างจังหวัดน่าจับตามองและมีโอกาสขยายตัวสูง ซึ่งพื้นที่ภาคตะวันออกจะถือเป็น Hub ใหม่ของไทย จากโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor :EEC) ที่รัฐบาลให้ความสำคัญ และมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาภาคตะวันออกคิดเป็น 30% ของจำนวนนักท่องเที่ยวรวม ทำให้พื้นที่ดังกล่าวมีศักยภาพในการเติบโตมาก
ทั้งนี้ในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้เปิดโครงการใหม่ 2 แห่ง มูลค่า 1,350 ล้านบาท ได้แก่ โครงการในพื้นที่ บางนา-สุวรรณภูมิ และชลบุรี ซึ่งสามารถสร้างยอดขายได้ 80-100 ล้านบาท
"ปีนี้เราค่อนข้างมั่นใจว่าจะมีรายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 3,100 ล้านบาท เพราะภาพรวมตลาดอสังหาฯ ก็เริ่มปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของแนวราบ เนื่องจากยังมีความต้องการ และปริมาณอสังหาฯ แนวราบพร้อมจำหน่ายยังไม่มากนัก ส่วนโครงการแนวสูงเรายังคงไม่มีโครงการใหม่ๆ เพราะต้องรอปริมาณสินค้าแนวสูงที่มีอยู่จำนวนมากหายไปก่อน จึงจะเริ่มกลับมามองอีกครั้ง โดยในปีนี้เรายังคงเน้นการขยายแนวราบในเขตกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อย่างต่อเนื่อง"นายชูรัชฏ์ กล่าว
ทั้งนี้ ในปีนี้บริษัทฯมีแผนจะออกหุ้นกู้ 600 ล้านบาท เพื่อทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมในช่วงปลายปีนี้ และมีแผนจะขออนุมัติที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพิ่มวงเงินหุ้นกู้อีก 1,000 ล้านบาท จากปัจจุบัน 3,000 ล้านบาท โดยจะออกหุ้นกู้เพื่อลดต้นทุนดอกเบี้ยและรองรับการขยายธุรกิจในอนาคตด้วย
สำหรับงบลงทุนปีนี้บริษัทฯวางไว้ราว 1,000 ล้านบาท เพื่อใช้ซื้อที่ดินใหม่รองรับการเปิดโครงการเพิ่มเติม