หุ้น D ปิดเทรดช่วงเช้าที่ 9.05 บาท เพิ่มขึ้น 3.05 บาท (+50.83%) จากราคาขาย IPO ที่ 6.00 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 1,305.89 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 8.50 บาท ราคาขึ้นสูงสุด 9.15 บาท และราคาลงต่ำสุด 8.50 บาท
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมินมูลค่าสำหรับ บมจ.เดนทัล คอร์ปอเรชั่น (D) ด้วยวิธี PER ที่ 28 เท่า และได้ราคาเหมะสมที่ 7.40 บาท โดยมีมุมมองว่าบริษัทจะเติบโตได้จากสาขาที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ มองปี 2560 จะเติบโตได้ต่อจากสาขาที่ได้เปิดไปแล้วเริ่มทำกำไร และเริ่มมีอัตรากำไรที่ดีขึ้น เนื่องจากการเปิดสาขาแต่ละที่จะมีระยะเวลาคืนทุนเฉลี่ย 6 เดือน ถึง 1 ปี อีกทั้งในปีนี้จะมีการเปิดสาขาเพิ่มขึ้นอีก 3-4 สาขา โดยคาดว่าจะทำให้รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 508 ล้านบาท (+15%) และน่าจะมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นจากจากการบริหารต้นทุนที่รัดกุม อำนาจในการต่อรองราคากับคู่ค้ามากขึ้นและต้นทุนค่าแพทย์ที่ไม่ได้ผันแปรตามรายได้ทั้งหมด เนื่องจากมีการคงที่เป็นอัตราๆ ไป จึงมองว่าบริษัทจะมีอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นเป็น 38.5% และจากเงินกู้ที่คืนไปหลังการเพิ่มทุน ทำให้ไม่ต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยจ่าย จึงคาดว่าจะมีกำไรสุทธิเป็น 53 ล้านบาท (+24%) นอกจากนี้ ยังมองว่าในอนาคตบจ.เดนทัล ออล (DAT) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย จะทำแล็บทันตกรรมเองทั้งหมด ทำให้ต้นทุนลดลงได้อีก
D ประกอบธุรกิจให้บริการทางด้านทันตกรรม ประกอบด้วย 3 บริษัทย่อย ได้แก่ 1) บจ.บางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล เดนทัล เซ็นเตอร์ (BIDC): ให้บริการด้านทันตกรรมแบบครบวงจรเน้นลูกค้าระดับ High-End และต่างชาติ 2) บจ.โรงพยาบาลทันตกรรมกรุงเทพ อินเตอร์เนชั่นแนล (BIDH): ปัจจุบันยังไม่ได้ดำเนินธุรกิจใดๆ และ 3) บจ. เดนทัล ออล (DAT): ให้บริการงานแล็บทางทันตกรรม ปัจจุบันบริษัทมีศูนย์ทันตกรรมทั้งหมด 2 สาขา และคลินิกทันตกรรมอีก 10 สาขา กระจายในกรุงเทพฯ และภูเก็ต ซึ่งส่วนใหญ่จะเปิดในห้างสรรพสินค้า
โดยฐานลูกค้าของบริษัทจะเป็นผู้มีรายได้ระดับปานกลางถึงสูง แบ่งเป็น 3 แบรนด์ คือ BIDC ศูนย์ทันตกรรมที่รัชดาภิเษก ได้รับมาตรฐานระดับสากล Joint Commission International (JCI) ทำให้ชาวต่างชาติไว้วางใจในการใช้บริการ, Dental Signature เป็นสาขาคลินิกระดับ High-End, และ Smile Signature เป็นสาขาคลินิกเจาะกลุ่มลูกค้าระดับรองลงมา