นายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ.ซิก้า อินโนเวชั่น เปิดเผยว่า ซิก้าฯ ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขอเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 80 ล้านหุ้น ก่อนที่จะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในครึ่งปีหลังของปี 60
บริษัทมีทุนจดทะเบียน ณ วันที่ 28 ก.พ.2560 เท่ากับ 260 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยมีทุนเรียกชำระแล้ว 220 ล้านบาท คิดเป็นหุ้นสามัญ 440 ล้านหุ้น และภายหลังจากการเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้ ซึ่งคิดเป็น 15.38% ของทุนจดทะเบียนของบริษัท จะทำให้บริษัทฯมีทุนชำระแล้วรวม 260 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนหุ้นสามัญทั้งสิ้น 520 ล้านหุ้น
นายศุภกิจ งามจิตรเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซิก้าฯ เปิดเผยว่า บริษัทประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเหล็กโครงสร้างประเภท Pre-zinc และท่อเหล็กร้อยสายไฟ โดยเตรียมนำเงินที่ได้จากการขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ ไปซื้อที่ดิน สร้างโรงงาน และซื้อเครื่องจักรใหม่ รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อผลักดันรายได้และกำไรของบริษัทฯเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และมั่นคง
สำหรับโครงการในอนาคตได้แก่ โครงการหาสถานที่เก็บสินค้าสำเร็จรูปและสถานที่ก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่เพื่อขยายพื้นที่และเพิ่มกำลังการผลิตรองรับการเติบโต เนื่องจากปัจจุบันมีพื้นที่ไม่เพียงพอในการจัดเก็บสินค้าสำเร็จรูปและเพิ่มเครื่องจักรในอนาคต ซึ่งคาดว่าโครงการนี้จะมีมูลค่ารวมประมาณ 385 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนซื้อที่ดินและอาคารในบริเวณใกล้เคียงกับโรงงานปัจจุบัน เนื้อที่รวม 1 ไร่ 98.4 ตารางวา มูลค่าประมาณ 23 ล้านบาท โดยใช้แหล่งเงินทุนหมุนเวียน ในส่วนของการปรับปรุงอาคารและระบบสาธารณูปโภค รวมถึงการติดตั้งอุปกรณ์ภายในโรงงานนั้น คาดว่าจะใช้เงินลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 12 ล้านบาท รวมทั้งหมดประมาณ 35 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับจัดเก็บสินค้าสำเร็จรูป
นอกจากนี้ ยังมีแผนจะซื้อที่ดินสำหรับสร้างโรงงานและติดตั้งเครื่องจักรใหม่ เบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนซื้อเครื่องตัดม้วนเหล็ก จากเดิมต้องว่าจ้างบริษัทภายนอกดำเนินการให้ ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายและสามารถบริหารจัดการการตัดม้วนเหล็กเองได้ รวมทั้งซื้อเครื่องจักรเพื่อเพิ่มสายการผลิตท่อเหล็กเพิ่ม เพราะปัจจุบันผลิตเกือบเต็มกำลังแล้ว บริษัทฯจะวางสายการผลิตท่อเหล็กเพิ่มขึ้นอีก 1 สายการผลิต เป็นการลงทุนในเครื่องขึ้นรูปเหล็ก เครื่องลบคมและเครื่องทำเกลียว อีกทั้งจะใช้พื้นที่นี้เป็นพื้นที่บริหารจัดการม้วนเหล็กซึ่งเป็นวัตถุดิบหลัก เบื้องต้นคาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 350 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานย้อนหลังในปี 57 มีกำไรสุทธิ 17.31 ล้านบาท ปี 58 เพิ่มเป็น 68.60 ล้านบาท และในปี 59 ปรับตัวสูงขึ้นเป็น 226.13 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 3.89% , 9.95% และ 24.01% ตามลำดับ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้น และเป็นผลมาจากการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการขายและค่าใช้จ่ายในการบริหารผ่านการวิเคราะห์ประมวลผลของระบบ ERP ส่งผลให้มีการมีการสูญเสียลดลง ประกอบกับต้นทุนทางการเงินเมื่อเปรียบเทียบกับรายได้รวมมีแนวโน้มลดลง
ณ สิ้นปี 59 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 626.44 ล้านบาท หนี้สินรวม 311.10 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 315.34 ล้านบาท