สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (27 - 31 มีนาคม 2558) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้ มีมูลค่ารวม 477,365.22 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 95,473.04 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 20% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้ว จะพบว่ากว่า 65% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 308,775 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (state Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 108,500 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 18,057 ล้านบาท หรือคิดเป็น 23% และ 4% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ
สำหรับพันธบัตรรัฐบาล ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB226A (อายุ 5.2 ปี) LB196A (อายุ 2.2 ปี) และ LB666A (อายุ 49.2 ปี) โดยมีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 25,367 ล้านบาท 13,240 ล้านบาท และ 12,590 ล้านบาท ตามลำดับ
ขณะที่หุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) รุ่น BAY179A (AAA(tha)) มูลค่าการซื้อขาย 1,444 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รุ่น TLT205A (AAA) มูลค่าการซื้อขาย 902 ล้านบาท และหุ้นกู้ของบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) รุ่น BJC203A (A+) มูลค่าการซื้อขาย 801 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับลดลง 3-8 bps. ในตราสารระยะยาว ด้านปัจจัยต่างประเทศ นักลงทุนมีความกังวลว่า การผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของนาย โดนัลด์ ทรัมป์ อาจไม่ราบรื่น เนื่องจากสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ ยกเลิกการลงมติเกี่ยวกับการนำร่างกฎหมาย "American Health Care" ที่จะนำมาใช้แทนกฎหมาย "โอบามาแคร์" เพราะเสียงสนับสนุนของพรรครีพับลิกันยังไม่เพียงพอต่อการผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าว ส่งผลให้มีเงินลงทุนจากต่างชาติเข้าซื้อตราสารหนี้ไทยเพิ่มขึ้น ขณะที่ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของไทยมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นและดีกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ตลาดติดตามรายงานตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือน ก.พ. ของสหรัฐฯ ในคืนวันศุกร์ (31 มี.ค.) และผลจากการปรับลดวงเงินการออกพันธบัตรระยะสั้นของ ธปท. ช่วง 3-6 เดือน เหลือสัปดาห์ละ 30,000 ล้านบาท จากเดิมที่มีการออกประมูลสัปดาห์ละ 40,000 ล้านบาท โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือน เม.ย. เป็นต้นไป
สัปดาห์ที่ผ่านมา (27 - 31 มี.ค. 2560) มีกระแสเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดตราสารหนี้ไทยรวมสุทธิ 14,853 ล้านบาท โดยเป็นการซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะสั้น (อายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี) 5,981 ล้านบาท และซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว (อายุมากกว่า 1 ปี) 11,292 ล้านบาท และมีตราสารหนี้ที่ถือครองโดยนักลงทุนต่างชาติหมดอายุ (Expired) 2,420 ล้านบาท
หมายเหตุ: อันดับเครดิต หมายถึง อันดับเครดิตของหุ้นกู้เฉพาะรุ่น หรือ อันดับเครดิตของผู้ออกหุ้นกู้
ความเคลื่อนไหวในตลาดตราสารหนี้ไทย สัปดาห์นี้ สัปดาห์ก่อนหน้า เปลี่ยนแปลง สะสมตั้งแต่ต้นปี (27 - 31 มี.ค. 60) (20 - 24 มี.ค. 60) (%) (1 ม.ค. - 31 มี.ค. 60) มูลค่าการซื้อขาย แบบปกติ - Outright Trading (ล้านบาท) 477,365.22 397,424.86 20.11% 5,701,765.86 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน (ล้านบาท) 95,473.04 79,484.97 20.11% 91,963.97 ดัชนีพันธบัตรรัฐบาล (Gov Bond Gross Price index) 106.53 106.08 0.42% ดัชนีหุ้นกู้เอกชน (Corp Bond Gross Price index) 105.87 105.72 0.14% เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Gov Bond Yield Curve) --% ช่วงอายุของตราสารหนี้ 1 เดือน 6 เดือน 1 ปี 3 ปี 5 ปี 10 ปี 15 ปี 30 ปี สัปดาห์นี้ (31 มี.ค. 60) 1.45 1.51 1.55 1.73 2.14 2.75 3.24 3.54 สัปดาห์ก่อนหน้า (24 มี.ค. 60) 1.44 1.52 1.55 1.76 2.18 2.83 3.32 3.58 เปลี่ยนแปลง (basis point) 1 -1 0 -3 -4 -8 -8 -4